‘แตงกวา MUTสระแก้ว’ ปล่อยโฮสะอื้นวอนโลกนี้ใจดีกับหนูหน่อย หลังโดนดราม่าถล่มหนักทำสติหลุด!
เรียกได้ว่าเจอปัญหา และดราม่าเข้ามาถล่มมาตลอดตั้งแต่คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สสระแก้ว 2025 เลย สำหรับนางงามสาว “แตงกวา-อภิรตา พุทธชัย” ที่ถูกบูลลี่จนเสียกำลังใจ ลามมาถึงเรื่องล่าสุด จากกรณีการหยิบชุดไทยผิดกับมิสยูนิเวิร์สอ่างทอง 2025 จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำเอาแตงกวาเกิดอาการจิตตกเลยนั้น
ล่าสุด ในงานการเก็บตัวของการประกวดเวที "Miss Universe Thailand 2025" รอบการประกวด Queen Of Thai Silk ณ โรงแรม ณ Angsana Convention & Exhibition Space สาว “แตงกวา” ก็ได้เปิดใจทั้งน้ำตาถึงเรื่องนี้ด้วย
แตงกวา อภิรตา เผยว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากนอนน้อย นอนน้อยมากๆ จริงๆ ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัวหนู หนูมองว่าด้วยความที่มันค่อนข้างที่จะปรับตัวหลายๆ อย่าง เช่น หนูพัฒนามากกว่าคนอื่นค่อนข้างเยอะ เพราะด้วยความที่เราต้องพัฒนามากกว่าคนอื่น ด้วยรูปร่างของเราไม่เหมือนคนอื่น หน้าตาเราก็ไม่ได้เหมือนคนอื่น และโดนคำวิจารณ์ค่อนข้างเยอะ แล้วเรามีเวลาเตรียมตัวแค่ไม่ถึงสองเดือน เพราะฉะนั้นพอหนูได้รางวัลมาก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด บางอย่างมันก็เลยดูขาดๆ เกินๆ บ้าง ส่วนเรื่องที่เราลดน้ำหนัก เอนไซม์ใช่ไหมคะ จริงๆ หนูมองว่ามันเป็นหลายปัจจัย มันไม่ใช่แค่การใช้เอนไซม์อย่างเดียว เพราะว่าด้วยความที่เราควบคุมน้ำหนักด้วย เราใช้แพทย์ในการดูแล เราไม่ได้ไปหาซื้อเอง และก่อนหน้านี้หนูก็ออกกำลังกายอย่างเข้มข้นทุกวัน คุมอาหารอย่างดีมากๆ ที่คนมองว่าเป็นภาวะหนึ่งของคนที่ลดน้ำหนัก จริงๆ มันแล้วแต่คนจะมอง แต่ว่าตัวหนูโดยส่วนตัว เรามีแพทย์ในการดูแลเรื่องโภชนาการ เรามีคนที่เขามีความรู้ช่วยดูแลเรา เพราะฉะนั้นหนูมองว่าปัจจัยที่มันเกิดขึ้นหลายอย่างมากๆ แต่ถ้าถามหนูว่าหนูคิดว่าเป็นเพราะเหตุใด หนูคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการนอนและปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะว่าหนูก็พูดตรงๆ ว่าปัญหาที่เกิดในชีวิตมันหนักมากๆ
ตอนนี้ก็ใช้วิธีคุมอาหารและก็เติมเอนไซม์ แต่ว่าเมื่อวานมีโอกาสได้คุยกับปะป๊าณวัฒน์แล้ว (ณวัฒน์ อิสรไกรศีล) ก็คือก็ต้องพักไปก่อนในการเติม (มันเป็นปากกา?) ใช่มันเป็นปากกา แต่ว่ามันไม่ใช่ปากกาที่จะต้องจิ้มทุกวัน มันจิ้มอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อให้ลดความอยากอาหารแค่นั้นเอง ที่บอสณวัฒน์บอกว่าพอใช้ปากกาแล้วส่งผลทำให้เราอ๊องๆ จริงๆ เรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมองจริงนะคะ เพราะสุดท้ายแล้วจริงๆ หนูมองว่าหลายๆ อย่างมันประกอบกันมาก มันไม่ใช่เรื่องการใช้เอนไซม์อย่างเดียว แต่ว่ามันเป็นภาวะเรื่องความเครียดในชีวิตเราด้วยที่หนักมากๆ กับคนๆ หนึ่งที่มันจะต้องแบกรับอะไรเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย ในเรื่องของการโดนเทชุดก่อนเข้ากองหนึ่งวัน ซึ่งวางเอาไว้อยู่ที่ประมาณ 100 ชุด แล้วอย่างเรื่องชุดหาย และเรื่องเข้ากองวันแรก ซึ่งปัญหามันเยอะมากๆ มันเพลีย เราคิดว่าเราควบคุมได้ เรารู้สึกว่าเราเข้มแข็ง แต่พอมันเกิดเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมามันทำให้เรารู้สึกเลยว่าเราก็แย่เหมือนกัน และที่หลายคนบอกว่าเราไม่พร้อมหรือเปล่า จริงๆ อยู่ที่คนจะมองเลย แต่ว่าถ้าถามหนูเมื่อโอกาสมาถึง เราก็ต้องรีบคว้า แล้วเราก็ต้องทำอย่างเต็มที่และดีที่สุด มันอาจจะผิดพลาดบ้าง ดีบ้างในบางวัน หนูก็พยามทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งจะทำได้”
แตงกวา อภิรตา เผยว่า “ถ้าถามว่าเราแกล้งทำในเรื่องนี้ ขอเรียนแจ้งตรงนี้เลยนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจค่ะทุกคน สาบาน มันเกิดจากความจำคิวไม่แม่นจริงๆ มันเกิดจากความผิดพลาดของหนูเอง (ไม่ใช่แผนเอาซีนใช่ไหม?) ไม่เลยค่ะ คือถ้าเกิดพี่ หรือผู้ใหญ่หลายท่านได้สัมผัสกับเรา เราไม่ใช่คนแบบนั้น หนูไม่ได้รู้สึกภูมิใจกับการได้ซีนแย่ๆ แต่ว่าในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่สามารถห้ามได้ แต่อย่างหนึ่งที่หนูรู้สึกว่าหนูทำได้คือหนูต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และที่ณวัฒน์ บอกว่าอาจจะต้องปรับซีนเราให้ดร็อปลง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร หนูรับฟังแล้วก็เชื่อฟังปะป๊าณวัฒน์ เพราะหนูชื่อว่าเขาหวังดีกับตัวเรา อย่างคำแนะนำที่เขาให้เราเมื่อวานทำให้เรามั่นใจ และก็สัมผัสได้ว่าเขารักและเป็นห่วงเราจริงๆ อยากให้เราได้ดี เพราะฉะนั้นถ้าปะป๊าบอกว่าอยากให้ไปซ้ายก็จะไปซ้าย อยากให้ไปขวาก็จะไปขวา (ต่อให้ถูกดร็อปซีนลงก็เข้าใจตรงนี้ใช่ไหม?) เข้าใจ แต่หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นเหตุผลไหน แต่หนูก็เข้าใจ หนูคิดว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาให้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว หลังจากนี้หนูจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก แล้วก็จะนอนเยอะๆ กินน้ำเยอะๆ และหาวิตามินกิน
ส่วนปัญหาเรื่องห้องเสื้อที่มีข่าวว่าจะฟ้อง จริงๆ เรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่คุย มันผ่านการคุยกับกองใหญ่เรียบร้อยแล้ว แล้วทางกองใหญ่เขาก็จะดำเนินการเรื่องนี้ให้ ซึ่งหนูไม่ได้กังวลเรื่องของการแจ้งความดำเนินคดี หรือใดๆ ซึ่งเจตนาของเรา เราไม่ได้มีเจตนาที่จะขโมย และอีกอย่างหนึ่งทางห้องชุดเขาได้รับเงินหนูไปแล้ว หนูก็อาจจะงงนิดหนึ่งว่าถ้าเขาไม่โอเคเขารับเงินเราไปทำไม แล้วมันจะมีการเจรจาทำไม ซึ่งอันนี้หนูก็ไม่เข้าใจในเจตนา แต่ว่าก็ไม่เป็นไรค่ะเรื่องนี้หนูให้ผู้ใหญ่จัดการ หนูจ่ายให้ห้องเสื้อไป 6,000 บาท มันเป็นค่าปรับชุดล่าช้า ณ วันนั้นมีผู้ใหญ่ของฝั่ง PD หนูกับ PD ทางอ่างทอง และทางกอง MUT คุยกัน เคลียร์กันเรียบร้อยหมดแล้ว แต่พอมันเกิดกระแสแบบนี้ขึ้นมาหนูก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะขโมยมและการดำเนินคดีแบบนี้แรงไปค่ะ แรงมากกับคนๆ หนึ่งที่เราขอโทษแล้ว แล้วชี้แจงแล้ว แล้วก็ขอโทษในหลายๆ ครั้ง สำนึกผิดแล้ว แต่ว่าได้หลับ Feedback มาแบบนี้ เขาใช้คำว่าขโมย ซึ่งมันเป็นการหมิ่นประมาทนะ แล้วมันทำให้อนาคตของเด็กคนนึงมันหายไปเลยนะ ถ้าสมมุติมันจบไปในวงการนี้ไป หนูถามถ้าไม่ใช่ตัวหนูแล้วเป็นคนอื่นเขาจะทำมาหากินอะไร (ถ้าจะฟ้องก็คือปล่อยให้เขาฟ้อง?) ใช่ค่ะสู้กันในชั้นศาล แต่จริงๆ ถ้าผู้ใหญ่เขาคุยกันจบแล้ว เพราะหนูก็ได้ติดตามข่าวจาก PD ของหนู ซึ่งเขาก็บอกว่าจบเรียบร้อยไม่มีอะไร แต่ถ้ามันถึงขั้นต้องถึงต้องมีการดำเนินคดี ก็สุดแล้วแต่เขา”
แตงกวา อภิรตา เผยต่อว่า หลายคนมองว่าเป็นเรื่องสงครามนางงามหรือเปล่า ไม่เลยค่ะ คือหนูมาประกวดหนูโฟกัสตัวเอง แค่เราจะพัฒนาตัวเองในแต่ละวันมันก็เหนื่อยแล้ว หนูก็ไม่รู้ว่าหนูจะไปทำสงครามนางงานกับคนอื่นทำไม สุดท้ายแล้วใครจะได้ดีหรืออะไรมันอยู่ที่ชีวิตเขา มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา เขาได้ดีเราก็ยินดี สุดท้ายจบการประกวดไป ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิต มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลย คือเอาจริงๆ นะวันที่มีปัญหากับเรื่องชุด มีท้อ เสียใจมาก เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือทางตัวผู้ใหญ่เขารู้เรื่องกันตั้งแต่เที่ยง แต่ตัวหนูมารู้เรื่องตอนประมาณสี่ทุ่ม แล้วอยู่ๆ หนูก็มาเจออะไรก็ไม่รู้ ซึ่งหนูก็ยังงงอยู่เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทางผู้ใหญ่ของหนูเขารู้เรื่องกันมาตั้งนานแล้ว ที่หนูรู้เพราะพี่โก้บอก คือจริงๆ มันงง มันงงจริงๆ มันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้หนูไปต่อคือผู้ใหญ่ที่เขาค่อยผลักดันอยู่ และคุณแม่ หนูก็เลยสู้ แม่หนูเป็นตำรวจ เขาก็ยังตามมาดูแลเรา เขาทำทุกอย่างให้กับเรา แล้วก็มีทางผู้ใหญ่หลายคนที่เขาคอยให้กำลังใจเรา และผลักดันเราทุกๆ อย่าง มันทำให้เรารู้สึกมีพลังที่อยากจะสู้ต่อ เราไม่รู้ด้วยว่าเราที่จะจบอยู่ที่จุดไหนในเวทีนี้ บทเรียนที่หนูได้รับในการประกวดนี้คือสติ สติมาปัญญาเกิด เข้าใจนี่คือการแข่งขัน เราก็ต้องกลับมาดูตัวเองมีสติมากน้อยแค่ไหนในการจัดการปัญหา ทุกอย่างถ้าเรามีสติเรื่องคงไม่เกิด
จริงๆ เส้นทางนี้ตั้งใจเป็นเส้นทางสุดท้าย เวทีนี้ คือไม่ว่าจะได้ที่เท่าไหร่อะไรยังไงก็ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ให้มันเป็นตำนาน เพราะว่าเราก็เต็มที่จริงๆ และก็จะทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าถามว่าครั้งต่อไปจะกลับมาประกวดไหมถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ไม่มาแล้ว ก็ขอจบกับที่ปะป๊าณวัฒน์ แค่นี้พอ จริงๆ ถ้าเปิดใจมองเรา เราก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อความฝัน และความอยู่รอด (สะอื้น) เพราะว่าครอบครัวเราก็ไม่ได้ร่ำรวย และเราก็เป็นอย่างนี้มาตลอด จริงๆ ก็อยากให้โลกนี้ใจดีกับเราบ้างนะ แต่ว่าหนูก็ยังมีความเชื่อดีๆ อยู่ (ร้องไห้) ชีวิตเราจะไปได้ไกลกว่านี้มากๆ เพราะว่าเรื่องที่เราเจอมันหนัก เพราะฉะนั้นหนูเชื่อว่าหนูจะต้องประสบความสำเร็จแบบสุดๆ ไม่เคยเสียใจที่คิดมาประกวด มันเป็นโอกาสในชีวิต ซึ่งมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ แล้วหนูก็พร้อมเต็มที่ ระหว่างทางมันก็เสียใจ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราจะต้องถอนออกไป มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบนะตอนนั้นที่เราเจอ เพราะหนูรู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะหวังดีกับเรา เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราควรทำก็คือเราต้องระมัดระวังตัวเอง แล้วก็มีสติ เพราะว่าบางทีหนูก็มองโลกในแง่ดีเกินไป บางทีมันก็อาจจะเป็นที่เราก็ได้ที่เราไม่รอบคอบ..