SET มีโอกาสชะลอตัว จับตาเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า ตลาดมีโอกาสชะลอตัว หลังวานนี้ปรับขึ้นแรงจาก DELTA และ Fund Flow ที่เริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นอาเซียน (เวียดนาม อินโดนีเซีย) เนื่องจากรับรู้อัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ไปแล้ว ประเมินแนวต้าน 1212/1230 แนวรับ 1185/1180 โดย SET ที่ระดับ 1230-1250 (คิดเป็น PER ราว 15 เท่า) จะสะท้อนถึงความคาดหวังว่าไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ ในระดับ 20% หรือต่ำกว่าไปบ้างแล้ว อย่างไรก็ดีต้องจับตาการเจรจาการค้าที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากยังกังวลอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ สำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกดดันให้ GDP อาจเติบโตชะลอตัวได้ ซึ่ง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทยอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy" ใน 3 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยไตรมาส 2/2568 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ไตรมาส 3/2568 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF
3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่ พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรครึ่งแรกของปี 2568 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
4. Trading Ideas: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV และ 3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า แนะนำ AMATA GPSC WHA
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KTB ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น หลังผลประกอบการกลุ่มธนาคารทั้ง BBL และ TISCO ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ KTB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร และมี Upside จากการเพิ่ม อัตราการจ่ายปันผลเพิ่มและ Credit Cost สูงสุดในไตรมาส 1/2568 แล้วมีโอกาสลดลงในช่วงที่เหลือ ของปี ในขณะที่ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ มี LLR Coverage สูง
GPSC มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก กกพ. เสนอทางเลือกค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค.2568 ระหว่าง 3.98-5.10 บาท/หน่วย โดยคาดว่าจะไม่สูงกว่าในงวดก่อนที่ 3.98 บาท/หน่วย ทำให้ผลกระทบต่อผลประกอบการจำกัด ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มกำลังการผลิต, ต้นทุนเชื้อเพลิงและผลตอบแทน พันธบัตรลดลง และไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กาษีขั้นต่ำสากล (GMT)