"สม รังสี" แฉแหลก! "ฮุน เซน" สิ้นคำตอบ! ใช้รัฐธรรมนูญล้างแค้น หลังถูกแฉเอี่ยวอาชญากรรมไซเบอร์

"สม รังสี" แฉแหลก! "ฮุน เซน" สิ้นคำตอบ! ใช้รัฐธรรมนูญล้างแค้น หลังถูกแฉเอี่ยวอาชญากรรมไซเบอร์

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2568 นาย สม รังสี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ฮุน เซน ตอบโต้เสียงวิจารณ์เรื่องแก๊งต้มตุ๋นไซเบอร์: "เพิกถอนสัญชาติของ สม รังสี" โดย เดวิด ไวต์เฮาส์

รัฐบาลครอบครัวของฮุน เซนในกัมพูชา กำลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เหยื่อจากการค้ามนุษย์ในการหลอกลวงประชาชนออนไลน์เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี

คำตอบจากฮุน เซน คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามา

รถเพิกถอนสัญชาติกัมพูชาของผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี ได้

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน สม รังสี ออกแถลงการณ์เปิดเผยเหตุผลแท้จริงที่ทำให้ฮุน เซน “สร้างเรื่อง” ความขัดแย้งระหว่างกัมพูชากับไทยในปีนี้ โดยเขาอ้างว่า รัฐบาลไทยพยายามกวาดล้างแก๊งต้มตุ๋นทางไซเบอร์ที่มีอยู่ในกัมพูชาและเมียนมา

อาชญากรรมไซเบอร์ในระดับอุตสาหกรรมที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่อาจทนได้อีกต่อไป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ทั้งต่อคนไทยที่อาจถูกลักพาตัวไปเป็นทาส และต่อเศรษฐกิจไทยที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวไม่ถึงระดับก่อนโควิด

นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากหลีกเลี่ยงประเทศไทย เพราะกลัวว่าจะถูกลักพาตัวไปเป็นทาสในคอมพาวด์หลอกลวงไซเบอร์ จึงหลีกเลี่ยงภูมิภาคนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยไม่สนว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ในเรื่องของอาชญากรรมไซเบอร์ ฮุน เซนกลับไม่มีถ้อยคำใด ๆ ที่จะตอบ ความเงียบของเขานั้นมีความหมายมาก ฮุน เซนกลับใช้วาทกรรมต่อต้านไทยและโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาที่แท้จริง การปิดชายแดนระหว่างสองประเทศส่งผลให้แรงงานชาวกัมพูชากว่า 2 ล้านคนในประเทศไทยต้องรับกรรมแทน

การตอบโต้ของฮุน เซนต่อแถลงการณ์ของสม รังสี คือการสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของกัมพูชาหาวิธีแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถเพิกถอนสัญชาติแบบเลือกปฏิบัติได้ ทั้งที่รัฐธรรมนูญกัมพูชาระบุว่าชาวเขมรต้องไม่ถูกพรากสัญชาติ และหลักการนี้ก็ยังถูกคุ้มครองในข้อตกลงสันติภาพปารีส ปี 1991 ด้วย

แม้รัฐบาลกัมพูชาจะปฏิเสธ แต่หลักฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับความเกี่ยวพันของรัฐบาลกับการเป็นทาสไซเบอร์นั้นยากที่จะเพิกเฉย

ในเดือนมิถุนายน องค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกมาระบุว่ารัฐบาลกัมพูชามีส่วนร่วมกับอาชญากรรมไซเบอร์ โดยรายงานระบุว่ารัฐบาลล้มเหลวในการสอบสวนคอมพาวด์หลอกลวงเหล่านั้น และ “ยินยอมให้มีการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อเหยื่อ” รายงานฉบับนี้ถูกส่งให้รัฐบาลพิจารณาก่อนเผยแพร่ แต่ไม่มีการตอบกลับใด ๆ ที่เป็นสาระสำคัญ

รายงานของแอมเนสตี้ ตามหลังรายงานวิจัยจาก Humanity Research Consultancy (HRC) ที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม โดย HRC ประเมินว่ารายได้จากการหลอกลวงไซเบอร์ในกัมพูชามีมูลค่า 12.5 ถึง 19 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือเทียบเท่ากับ 60% ของ GDP พวกเขาระบุว่า “การหลอกลวงข้ามชาติ เป็นหนึ่งในกิจการอาชญากรรมที่รัฐให้การสนับสนุน” และรายได้นี้มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของพรรคประชาชนกัมพูชาที่เป็นรัฐบาล

ในเดือนเมษายน สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) พบว่า องค์กรอาชญากรรมจีนที่มีส่วนร่วมในแก๊งหลอกลวงไซเบอร์ ได้รับสัญชาติกัมพูชาเพื่อครอบครองทรัพย์สินและการลงทุน รวมถึงเกาะต่าง ๆ ใกล้สีหนุวิลล์

รัฐบาลกัมพูชาไม่มีความพยายามจริงจังในการตอบโต้รายงานของ Amnesty, HRC หรือ UNODC และไม่มีการจัดการกับคอมพาวด์หลอกลวงแต่อย่างใด

ฮุน เซน พยายามปิดปากสม รังสีมาเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส การเดินขบวนที่สม รังสีนำเมื่อเดือนมีนาคม 1997 ในกรุงพนมเปญ ถูกโจมตีด้วยระเบิดมือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คน คดีนี้มีการเปิดการพิจารณาในศาลที่ปารีส โดยมีนายพลฮิง บุนเฮียง และ ฮุย ปีเสะ ถูกกล่าวหา แต่ทั้งสองไม่มาปรากฏตัว

ฮุน เซน ใช้ศาลที่ควบคุมโดยการเมืองในการตัดสินโทษจำคุกสม รังสีกว่าร้อยปีในข้อหาต่าง ๆ และในปี 2017 ได้ยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ที่เขาร่วมก่อตั้งกับ เกิม โสกา ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรค

เกิม โสกา ยังคงถูกกักบริเวณในบ้าน หลังจากถูกตัดสินในข้อหากบฏโดยไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม

ขณะเดียวกัน ฮุน เซน ยังกำหนดกฎหมายหลายฉบับเพื่อจำกัดบทบาททางการเมืองของสม รังสี เช่น กฎหมายปี 2017 ที่ห้ามผู้ที่มีโทษจำคุกเป็นผู้นำพรรคการเมือง และในปี 2021 ยังออกกฎหมายห้ามผู้มีสัญชาติสองสัญชาติเป็นนายกฯ ประธานรัฐสภา หรือประธานวุฒิสภา

สม รังสีมีทั้งสัญชาติฝรั่งเศสและกัมพูชา

พลเมืองกัมพูชาทั่วโลกที่อาศัยในประเทศที่มีเสรีภาพในการแสดงออก ย่อมไม่มีทางถูกปิดปากโดยรัฐบาล ฮุน เซน ได้ ทางออกเดียวสำหรับปัญหาการทุจริตของรัฐบาลกัมพูชาคือ การเผชิญหน้ากับปัญหาที่แท้จริง