ไม่ได้ใส่เท่ๆ! ทำไมนักแข่งเกมต้องใส่หูฟังสองชั้นเวลาแข่งบนเวที?
ถ้าคุณเคยดูการแข่งขันอีสปอร์ตระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Valorant Champions Tour, Dota 2 The International หรือ League of Legends Worlds คุณอาจสังเกตเห็นว่านักแข่งมืออาชีพทุกคนมักใส่หูฟังสองชั้นซ้อนกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การทำเพื่อความเท่ หรืออยากใส่แบบนั้นก็เลยใส่ แต่มันมีที่มาที่ไปที่จะผู้เล่นทุกคนจะต้องทำแบบนั้น
ซึ่งวันนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกันว่า ทำไมนักแข่งอีสปอร์ตจะต้องใส่หูฟังสองชั้นเวลาแข่งขันบนเวที
การใส่หูฟังสองชั้นในการแข่งขันอีสปอร์ต คืออะไร?
"หูฟังสองชั้น" (Dual-layer headphones หรือที่มักเรียกแบบไม่เป็นทางการว่า “ใส่หูฟังสองชั้น”) หมายถึงการที่ นักแข่งเกมหรือผู้เล่นอีสปอร์ตใส่หูฟัง 2 ชุดซ้อนกันในเวลาเดียวกัน โดยชั้นในสุดจะเป็นหูฟังแบบ In-ears Moniter หรือ IEM ส่วนชั้นนอกจะเป็น Earmuffs ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกัน
- In-ears Moniter - หูฟังคุณภาพสูงที่มีเสียงคมชัด ใช้เพื่อให้นักแข่งได้ยินเสียงในเกมอย่างชัดเจน อย่างเช่น เสียงปืนหรือเสียงฝีเท้าในเกม FPS หรือเสียงสกิลต่างๆในเกม MOBA
- Noise-canceling headphones / Earmuffs - ที่ครอบหูสำหรับตัดเสียงรบกวน โดยหูฟังชั้นนอกมักไม่มีเสียงเกม แต่ใช้เพื่อลดเสียงจากภายนอก เช่น เสียงคนดู เสียงพากย์ หรือเสียงของผู้เล่นทีมตรงข้าม ซึ่งปกติจะมีการเปิด White Noise ควบคู่ไปด้วยเพื่อช่วยตัดเสียงเพิ่มเติม
ทำไมถึงต้องใส่หูฟังสองชั้นเวลาแข่งขันอีสปอร์ตบนเวที?
และหากใครสงสัยว่าทำไม ถึงต้องใส่ทั้ง In-ears Moniter และ Earmuffs ไม่ใช่หูฟังอันเดียวไปเลย? คำตอบก็คือ การใส่หูฟังแบบสองชั้นในอีสปอร์ตเป็นการทำเพื่อให้นักแข่งอีสปอร์ตสามารถโฟกัสกับการเล่นได้แบบเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกรบกวนจากเสียงเชียร์หรือเสียงรบกวนรอบข้าง และป้องกันการได้ยินข้อมูลต่างๆ
ซึ่งในปัจจุบัน การใส่หูฟังสองชั้นนับเป็นกฎบังคับในการแข่งขันอีสปอร์ตทั่วโลก โดยเฉพาะในเกมยอดนิยมอย่าง Valorant, Dota 2, CS2, LoL, PUBG หรือเกมอื่นๆ เพื่อสร้างมาตรฐานในการแข่งขันให้โปร่งใส และไม่มีการโกง
อ่านเพิ่ม