เปิดสูตร 'คิงเพาเวอร์' ฝ่าวิกฤตสภาพคล่อง หยุดเลือดปิด 3 ดิวตี้ฟรีดาวน์ทาวน์

ซีอีโอคิงเพาเวอร์ กล่าวว่า ธุรกิจดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ดิวตี้ฟรีในสนามบิน และดิวตี้ฟรีดาวน์ทาวน์ หรือ ดิวตี้ฟรีในเมือง โดยเรามองว่าธุรกิจ “ดิวตี้ฟรีในสนามบิน” เป็นธุรกิจที่เป็น รีซูม เป็นพวกวัฏจักรธุรกิจ พอลงอัดโปรโมชั่นก็ขึ้น มีภาวะเศรษฐกิจโลกขาลงเดี๋ยวมันก็มีขึ้น

แม้ธุรกิจดิวตี้ฟรีที่สนามบิน จะมีผลกระทบจากออนไลน์บ้าง แต่ยังไงคนทุกประเทศในโลก ก็ต้องมาลงที่สนามบิน โอกาสที่ธุรกิจจะรีซูมกลับมา ก็มีมาก แต่จะรีซูมแล้วจะกลับเข้าไปพีคเดิมหรือเปล่า คนละเรื่องกัน

ขณะที่ธุรกิจ “ดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี” เป็นธุรกิจ ที่จัดอยู่ในกลุ่ม “รีเซ็ต” เพราะได้รับผลกระทบจากการ disruption จากแพลตฟอร์ม ออนไลน์ ต่างจาก เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ไม่ค่อยมีแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งออนไลน์ไม่ได้หายไปเหมือน business cycle ที่มีขึ้นมีลง

แต่เป็นการดีสรัปแบบถาวร รวมไปถึงการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ที่หายไปจากเมื่อก่อนที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ เมื่อมาเที่ยวไทยก็มาช้อปปิ้งดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี จึงจะเห็นว่าดิวตี้ฟรีในเมือง มีปัจจัยของการรีเซ็ตมาก

ทำให้เราตัดสินใจปิดดิวตี้ฟรีดาวน์ทาวน์ไป 3 สาขาแล้ว คือ คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ศรีวารี,คิงเพาเวอร์ มหานคร และ คิงเพาเวอร์พัทยา แล้วจะหา business model ใหม่ที่เหมาะสมมาดำเนินการใน location ต่างๆ ดังกล่าวต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปยังส่วนอื่นของธุรกิจ โดยจะเหลือเปิดให้บริการ 3 สาขา คือ คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี รางน้ำ , คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี วันแบงค็อก(คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีค วันแบงค็อก) และ คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ภูเก็ต

ธุรกิจดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี ได้รับผลกระทบมาก จากต้นทุนสูง ขณะที่จำนวนลูกค้าลดลงอย่างรุนแรง โดยบางสาขาที่เคยมีผู้ใช้บริการหลักหมื่นคน เหลือหลักร้อยคน บางวันไม่มีลูกค้าเลย ทำให้เราต้องเลือกปิดทั้ง 3 สาขาไป

เพราะต้องการรอดูเงื่อนไขจากทอท.ในการพิจารณาสัญญาดิวตี้ฟรีที่สนามบินก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าสรุปออกมาแล้วเราได้เงื่อนไขที่ทำธุรกิจต่อไปได้ แต่ถ้าเงื่อนไขที่ออกมาเราไปต่อไม่ได้ เราก็ไปต่อที่สนามบินไม่ได้ ก็ต้องเอาหอบทรัพย์สินไปทำมาหากินอย่างอื่นแทน

โควิดทำให้ธุรกิจเปลี่ยน มีการปิดประเทศ นักท่องเที่ยวจีนหาย เป็นปัญหาต่อเนื่องมาหลายปี แต่จะให้คิงเพาเวอร์มาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาเดิมที่ทำมาก่อนเกิดโควิด ที่ประเมินผู้โดยสารสูงถึง 65 ล้านคน แต่หลังโควิดไม่ใช่แล้ว

เราก็อยากได้เงื่อนไขการปรับสัญญาที่เป็นธรรม ทำให้เราอยู่รอดได้ ซึ่งบริษัทได้เสนอข้อเรียกร้อง 7 ข้อต่อ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. เพื่อขอความเป็นธรรมในการแก้ไขสัญญา โดยแต่ละข้อสามารถแปลงเป็นตัวเลขเชิงปริมาณได้

ตอนนี้ยอมรับว่าเลือดที่ไหลออก คือ การดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรี ที่สนามบิน เพราะเป็นแผลใหญ่ ป่วยด้วยเงื่อนไขการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ minimum ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเราจะได้ลดไม่ลด ซึ่งถ้าเงื่อนไข minimum การันตีลดลง ธุรกิจดิวตี้ฟรีในสนามบินก็จะรีคัฟเวอร์

เมื่อก่อนรายได้จากดิวตี้ฟรีที่สนามบิน กับดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี ก็พอๆกัน แต่ก็ทรุดไปเรื่อยๆจากปัจจัยที่ถูกดีสทรัปต่างๆ ทำให้ผู้โดยสารน้อยลงทุกวัน ตอนนี้เราทำได้เพียงดูแลดิวตี้ฟรีในเมือง ที่ก็ต้องเย็บแผลไปพลางก่อน

ส่วนดิวตี้ฟรีในสนามบิน ซึ่งก็ต้องรอดูทอท. ว่าจะยังไง เงื่อนไขที่ออกมาจะบอกได้ว่าธุรกิจดิวตี้ฟรีในสนามบิน เราควรจะเย็บหรือไม่ควรเย็บ เพราะมันติดเชื้อไปแล้ว หรือแค่ดิสรัป เราไม่อยากเจ๊ง แต่ในมุมกลับกัน ถ้ามันรู้ว่าเจ๊ง แล้วยังฝืนต่อก็จะพาล่มกันทั้งเครือ

คิงเพาเวอร์ ก็หวังว่าเงื่อนไขที่จะได้รับจากทอท.จะทำให้เราดำเนินธุรกิจต่อไปได้ บริษัทต้องการให้ ทอท. ปรับเงื่อนไขโดยหลักความเป็นธรรม ไม่ใช่ให้ยกเลิกสัญญา แต่ขอให้ทำเสมือนกับผู้ประกอบการอื่น เริ่มแรกระบุจะตอบภายใน 60 วัน ต่อมาเปลี่ยนเป็นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

อย่างไรก็ตามถ้าผลออกมาเราเห็นว่ายังไปต่อไม่ได้ ก็คงจะเป็นแนวทางการยกเลิกสัญญา เพราะอย่างน้อย ก็หอบทรัพย์สินที่ยังเหลืออยู่ทํามาหากินในดิวตี้ฟรีดาวน์ทาวน์ที่เรามี หรือจะพัฒนาไปเป็นโมเดลที่เราวางไว้ แต่ถ้ายังดันต่อไป ทรัพย์สินดิวตี้ฟรีในสนามบินก็จะไม่เหลือเลย

สถานะปัจจุบันของคิงเพาเวอร์ มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง นอกจากการปิดดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรีทั้ง 3 แห่งแรก ก็มีการเคลียร์สต็อกระบายสินค้าออกไป เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด โดยลดราคาสินค้าก่อนหมดอายุ สินค้าบางอย่างที่เป็นสินค้าตามซีซัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนสินค้าให้รองรับนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป

เช่น เดิมนักท่องเที่ยวจีน ความต้องการสินค้าก็จะเป็นอีกแบบ แต่ตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวอินเดีย และเวียดนาม การนำเสนอสินค้าในดิวตี้ฟรีก็จะต้องแตกต่างกัน เพราะความต้องการไม่เหมือนกัน

ส่วนแนวทางอื่นๆก็มีการเจรจาขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มกับธนาคาร วงเงินมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ ทอท. จะให้คำตอบ และคิงเพาเวอร์ก็ต้องมีแผนในการพลิกฟื้นธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งก็ต้องรอข้อสรุปจากทอท.เราจึงจะตัดสินใจได้ว่าจะเดินอย่างไรต่อ

หากไปต่อได้การลงทุนไม่เป็นปัญหา เพราะคิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีทรัพย์สินที่สามารถแปลงเป็นเงินได้ และทางเจ้าของก็มีเงิน แต่เขาจะอัดเงินมาไหมตอนนี้ถ้ายังมีรอยรั่วอยู่แบบนี้

ดังนั้นเรารอแค่เพียงความชัดเจนเรื่องการเจรจาสัญญาดิวตี้ฟรีในสนามบินเท่านั้น ถ้ามีความชัดเจนก็จะตอบโจทย์ทิศทางการเดินต่อไปของคิงเพาเวอร์ได้ทั้งหมด ว่าจะเติบโตแบบ วีเชฟ หรือ ยูเชฟ ซึ่งผลเจรจากับ ทอท. ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของบริษัทในอนาคต

ไม่เพียงแต่ธุรกิจดิวตี้ฟรีเท่านั้น ที่เราต้องทำเรื่องของการลดไขมัน ต่อไปเราก็จะมาดูในส่วนของธุรกิจอื่นๆอย่างโรงแรม ธุรกิจรีเทลที่ไม่เกียวกับดิวตี้ฟรี อย่าง ฟอสเตอร์ เป็นต้น