มาแล้ว! คนเมืองสบายกระเป๋า “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ห้ามพลาด!! เช็กเงื่อนไขใครใช้ได้บ้าง-วิธีลงทะเบียน

ข่าวดี!ในการลดค่าใช้จ่ายของคนที่ต้องใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง ล่าสุดกระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร จับมือในการเดินหน้า “นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” โดยเตรียมใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 - 30 ก.ย.2569 ครอบคลุมรถไฟฟ้า 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ระยะทาง 276 กิโลเมตร 194 สถานี โดยจะขยายจากโครงการนำร่องสายสีแดงและสายสีม่วง ไปยังสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู, สีน้ำเงิน และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เพียงผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ในเดือน ส.ค.2568 เพื่อรับสิทธิ์

เรื่องนี้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่ามาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย (ระยะที่ 2) สำหรับ 8 สาย จะสามารถเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 อย่างแน่นอน โดยได้หารือกับ กทม. และ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS] ซึ่งได้มีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นการชดเชยรายได้ที่ลดลงจากการปรับลดค่าโดยสารแล้ว ทั้งผู้ว่าฯ กทม. และ BTS ต่างพร้อมให้ความร่วมมือ

ส่วนที่มีความกังวลตัวเลขชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 2,525 ล้านบาท นั้น นายสุริยะ ย้ำว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการ หลักการชดเชยที่แท้จริงคือ เคยมีรายได้เท่าไรก็จะต้องได้ตามนั้น หากรายได้ลดลงจากการเก็บ 20 บาทตลอดสาย รัฐจะชดเชยส่วนที่หายไปตามจริง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการ

เช่นเดียวกับหากมีการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ เพื่อจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม ที่เตรียมเข้าสภาฯ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เกิดความล่าช้า ก็จะไม่มีผลกระทบต่อมาตรการ 20 บาทตลอดสาย เนื่องจากสามารถใช้งบประมาณจาก รฟม., รฟท. และงบกลางในการชดเชยค่าโดยสารชั่วคราวไปก่อนได้

ขณะที่ “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ยืนยันแนวทางที่รัฐจะชดเชยรายได้สายสีเขียวให้ กทม.ในส่วนที่หายไปเช่นกัน แต่ยังมีรายละเอียดที่ต้องหารือเพิ่มเติม โดยเฉพาะการคำนวณการชดเชยรายได้ส่วนสัมปทานของ BTS และการเดินทางข้ามสาย ซึ่ง กทม.เสนอขอชดเชยที่ 11,059 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งหมด และพร้อมเจรจารายละเอียดเพิ่มเติม

ด้าน “น.ส.สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล” รองเลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค เห็นด้วยว่า นโยบายนี้ช่วยลดปัญหารถติดและมลพิษในกรุงเทพฯ แต่แนะนำให้ปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสาร แทนการใช้เงินภาษีอุดหนุน พร้อมเสนอให้ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมครอบคลุมการเดินทางทุกประเภททั้งทางบก ราง และน้ำทั่วประเทศ

ข้อควรรู้ก่อนการใช้ "รถไฟฟ้า 20 บาท" ตลอดสาย

• ต้องเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน 13 หลักถึงจะลงทะเบียนได้

• เปิดลงทะเบียนในเดือนสิงหาคม 2568 ผ่านแอป "ทางรัฐ"

• ต้องลงทะเบียนทั้งตัวบุคคล และบัตรโดยสาร ที่ใช้ (Rabbit, MRT Plus, EMV, ARL) ผ่านแอป “ทางรัฐ”

• บัตรที่ลงทะเบียนแล้ว จะได้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานหลังจากเริ่มโครงการ

• รถไฟฟ้าทั้งหมด 8 สาย คือ สายสีเขียว สีทอง สีเหลือง สีชมพู สีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีแดง สีแดงออ่อน (แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)

• เริ่มใช้สิทธิ์วันที่ 30 กันยายน 2568 ครอบคลุม 8 สายทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

• ปัจจุบันสายสีม่วง และสีแดงเริ่มใช้สิทธิ์ 20 บาทแล้ว ส่วนสายอื่นจะตามมาในวันที่ 30 ก.ย.

• Rabbit Card ใช้ได้กับสายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู

• MRT Plus ใช้กับสายน้ำเงินและสายสีม่วง

• บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ใช้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, (ไม่รวมสีทองและสีเขียว)

• บัตร ARL ใช้เฉพาะ ARL เท่านั้น

• ปีแรก ต้องใช้บัตรแยกตามระบบ เพราะยังไม่เชื่อมระบบเต็มรูปแบบ

• หากยังไม่มีบัตรใดที่รองรับ จะต้องชำระอัตราปกติ

• แอป “ทางรัฐ” โหลดได้ทั้ง iOS และ Android

• ในปี 2569 คาดว่าจะมีการเปิดระบบสแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร เพื่อเพิ่มความสะดวก

• ถ้าลงทะเบียนแล้ว แต่ไม่ผูกบัตร ระบบจะไม่รู้ว่าใช้สิทธิ์ ไม่สามารถเดินทางตลอดสาย 20 บาท

• ค่าโดยสาร ราคาสูงสุดไม่เกิน 20 บาท/เที่ยว ไม่ว่าจะข้ามสายหรือไม่ข้าม ก็ 20 บาท

• ลงทะเบียนหลัง ก.ย. ก็ยังใช้สิทธิ์ได้ แต่ควรรีบลงไปก่อน

• ผู้ใดที่ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ หรือไม่มีบัตรที่รองรับ จะต้องจ่ายตามอัตราปกติ

• ไม่จำกัดจำนวนสิทธ์ที่ลงทะเบียน

• นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ ใช้ได้เฉพาะคนไทยเท่านั้น

• รัฐใช้เงินสนับสนุนประมาณ 8,000 ล้านบาท/ปี โดยใช้เงินรายได้สะสมของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

• เตรียมบัตรประชาชน, บัตรโดยสาร และดาวน์โหลดแอปทางรัฐให้พร้อม