“นายกฯ ญี่ปุ่น” ส่งสัญญาณเร่งเจรจา “ทรัมป์” ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ แม้ไร้เอกสารรับรองข้อตกลง
"นายกฯ ญี่ปุ่น" ส่งสัญญาณเร่งเจรจา "ทรัมป์" ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ แม้ไร้เอกสารรับรองข้อตกลง ขณะฝ่ายค้านจี้รัฐบาลรับผิดชอบต่อความไม่ชัดเจนของข้อตกลง
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 12.58 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชิเกรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าพร้อมเจรจากับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยไม่มีความลังเล เพื่อให้การลดภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐที่ตกลงกันไว้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว
ในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ อิชิบะถูกสมาชิกฝ่ายค้านบางรายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาไม่ได้ลงนามในเอกสารอย่างเป็นทางการกับสหรัฐฯ ในการบรรลุข้อตกลงการค้าเมื่อเดือนที่ผ่านมา
"การจัดทำเอกสารอย่างเป็นทางการอาจทำให้การลดภาษีล่าช้า ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรากังวลที่สุด" อิชิบะกล่าว พร้อมปกป้องการตัดสินใจของญี่ปุ่นที่ตกลงกับสหรัฐ โดยไม่มีเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการ
"ทรัมป์ไม่ใช่คู่เจรจาทั่วไป และอาจพลิกกฎได้ตลอดเวลา" อิชิบะกล่าวถึงลักษณะการเจรจาของทรัมป์
อิชิบะยืนยันว่าเขาไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยที่จะเจรจากับทรัมป์ เพื่อผลักดันให้วอชิงตันดำเนินการลดภาษีตามที่ตกลงกันไว้โดยเร็ว แม้จะปฏิเสธที่จะระบุช่วงเวลาที่การเจรจาอาจเกิดขึ้น
"ทั้งสองประเทศจะเริ่มดำเนินการตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากกว่าการตกลงเสียอีก" อิชิบะกล่าว พร้อมแสดงเจตนาว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปเพื่อดูแลให้กระบวนการดำเนินการสำเร็จ
อย่างไรก็ตามภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล อิชิบะกำลังเผชิญแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของพรรคในการเลือกตั้งวุฒิสภาเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ข้อตกลงการค้าที่ญี่ปุ่นบรรลุกับทรัมป์เมื่อเดือนก่อน มีเป้าหมายลดภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ รวมถึงรถยนต์ ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกอย่างสูงของญี่ปุ่น
แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า สหรัฐจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จาก 25% เหลือ 15% เมื่อใด ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่เปราะบางอยู่แล้ว
ในที่ประชุมรัฐสภาเดียวกัน เรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าคณะเจรจาการค้าของญี่ปุ่น กล่าวว่ายังยากที่จะระบุได้ว่าสหรัฐจะเริ่มลดภาษีนำเข้ารถยนต์ได้เร็วเพียงใด โดยยกตัวอย่างว่าในกรณีของอังกฤษยังใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการดำเนินการหลังบรรลุข้อตกลง
อ้างอิง : reuters.com