“พิชิต” ปลุกม็อบ ไม่พอใจรัฐบาลเป็นจุดอ่อนสู้กัมพูชา ชี้ อยากเห็น “แพทองธาร” ลาออก ฐานเป็นต้นเหตุสงคราม
“พิชิต” ปลุกม็อบ ไม่พอใจรัฐบาลเป็นจุดอ่อนสู้กัมพูชา ชี้ อยากเห็น “แพทองธาร” ลาออก ฐานเป็นต้นเหตุสงคราม แนะ ควรดึง กพช. หารือ GBC ในไทย
เวลา 10.30 น. วันที่ 2 ส.ค. 68 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายพิชิต ชัยมงคล แกนนำกลุ่มรวมพลังคนไทยปกป้องอธิปไตย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว The Room44 ถึงภาพรวมการจัดการชุมนุมในครั้งนี้ ว่า วันนี้ประชาชนเริ่มทยอยเข้ามา โดยเฉพาะพี่น้องจากต่างจังหวัดก็เดินทางกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า และคาดว่าในช่องค่ำจะมีพี่น้องจากกรุงเทพมหานครมาสมทบเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าประชาชนจะมาร่วมชุมนุมเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นความร่วมมือกันระหว่างพี่น้องต่างจังหวัดและพี่น้องในกรุงเทพฯ เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อรัฐบาลที่รีบไปเจรจา ในขณะที่กองทัพไทยกำลังรุกได้เปรียบอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้ประชาชนจะมาแสดงพลังในฐานะคนไทยสื่อสารไปยังรัฐบาล โดยเรายังมีข้อเรียกร้องเหมือนเดิมคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นต้นเหตุของสงครามครั้งนี้ และพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วม ซึ่งเราจะมาแสดงพลังประนามรัฐบาลและทหารกัมพูชาที่ยิงปืนใหญ่มายังโรงพยาบาล และบ้านพลเรือน โดยวันนี้จะเป็นการแสดงพลังของประชาชนครั้งใหญ่
ส่วนกรณีมีหลายคนมองว่าการชุมนุมในครั้งนี้จัดช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมนั้น นายพิชิต ระบุว่า ตนคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่คนไทยพยายามแสดงออกมากที่สุด เราต้องยืนยันว่าเราเป็นคนไทยที่อยู่แนวหลัง และอยากสื่อสารให้กำลังใจไปยังทหารแนวหน้า ซึ่งเราทำได้ทุกเวลาไม่มีเงื่อนไข ไม่ได้เป็นการขัดขวางการทำงานของทหารใดๆ ทั้งสิ้น บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่คนไทยต้องสามัคคีกันรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อส่งใจไปยังทางแนวหน้ารวมถึงประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนด้วย ดังนั้นตนคิดว่าไม่มีเวลาใดที่จะมาขัดขวางการเคลื่อนไหวของประชาชนได้
สำหรับกิจกรรมที่จะดำเนินการในวันนี้นั้น นายพิชิต กล่าวว่า เป็นการสลับกับปราศรัยไปเรื่อยๆ โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. โดยประมาณ ซึ่งจะมีตัวแทนทั้งนักวิชาการและตัวแทนของอดีตนายทหาร หรือผู้ทำงานด้านความมั่นคงก็จะสลับฟ้าใสให้ความรู้ในวันนี้ด้วย
เมื่อถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้เรามีความเปราะบางหรือช่องโหว่มากน้อยแค่ไหน นายพิชิต เผยว่า ตอนนี้รัฐบาลกลายเป็นจุดอ่อนด้านความมั่นคง จึงทำให้เราต้องจัดการชุมนุมในวันนี้ขึ้น เพราะกัมพูชาถือไพ่ได้เปรียบกว่ากลุ่มความลับของรัฐบาลไว้ ดังนั้นการเมืองจึงกลายเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุด และมองว่าการสื่อสารของรัฐรัฐบาลในวันนี้นั้นล้าหลังมาก เพราะรัฐบาลตั้งรับจนเกินไป หากย้อนไปก่อนหน้านี้ก่อนนี้จะมีการสู้รบด้วยอาวุธนั้นรัฐบาลก็ไม่ทันเกมกัมพูชา คอยแต่จะแก้ข่าวตามกัมพูชา มาวันนี้เมื่อเกิดการสู้รบรัฐบาลก็ไม่สามารถอธิบายสังคมโลกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย ดังนั้นกลายเป็นว่าทหารตัวที่นำการสื่อสารระดับโลกแทน
นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่อยากเห็นรัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วนในวันนี้นั้น ในสถานการณ์ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือนางสาวแพทองธาร ต้องลาออก ปล่อยให้กระบวนการทางความมั่นคงเขาทำงาน ซึ่งฝ่ายทหารหรือหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ เขาทำหน้าที่ของเขาดีอยู่แล้ว รัฐบาลกลายเป็นจุดที่กัมพูชาสามารถเอามาเป็นเงื่อนไขต่อรองได้ ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรักษาการนายกฯ ในตอนนี้ก็เหมือนเป็นลูกไล่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มองว่าการเดินทางไปเจรจาที่ประเทศมาเลเซียก็ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เดินตามเกมของคนอื่นเขา ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ต้องมีทีมงานที่สามารถดำเนินการในเชิงรุกได้ การปฏิเสธไม่ไปเจรจาเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ชัยสามารถทำได้แต่นายภูมิธรรมกลับไม่ทำ โดยเราได้เปรียบในด้านของความสามารถของกองทัพแทนที่จะบังคับให้กัมพูชามาพูดคุยที่เมืองเมืองไทยแต่เรากลับยอมรับเงื่อนไขไปประเทศอื่นเป็นตัวกลางในการเจรจา ดังนั้นจึงเหมือนเราลดความเข้มแข็งของการเมืองลง และลดความเข้มแข็งของกองทัพลง ดังนั้นหากนายภูมิธรรมยืนยันว่ารักษาธิปไตยของประเทศไทยจริงก็ต้องยืนยันว่าให้กัมพูชายอมแพ้และยอมความสูญเสียยอมยอมรับเงื่อนไขที่ทำลายพลเรือน และปลาหารือในเมืองไทยแบบนี้จึงจะถือไพ่ได้เปรียบมากกว่า
ส่วนเรื่องการประชุม GBC ในนวันที่ 4-7 ส.ค. มีนัยะอะไรหรือไม่นั้น นายพิชิต เผยว่า ตนคิดว่ายังไม่น่าที่จะมีเวทีเจรจาแบบนั้น หากเข้มแข็งจริงน่าจะดึงกัมพูชามาเจรจาที่เมืองไทยไม่ไม่ควรมีประเทศที่สาม และอย่าลืมว่าเรายืนยันมาโดยตลอดว่าการเจรจาแบบทวิภาคีซึ่งเป็นการหารือกันระหว่างคู่ขัดแย้งไทยกับกัมพูชาเท่านั้น ดังนั้นหากเราเข้มแข็งยอมให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขของไทยควรจะดึงเวทีการเจรจากลับมาที่เมืองไทยไม่ควรจะไปหารือที่มาเลเซีย