จับแล้ว ผู้ต้องหารายสุดท้าย "แก๊งเรียกค่าไถ่นราธิวาส"
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมแก๊งเรียกค่าไถ่คนสุดท้าย นายอาดือนันท์ฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2001/2566 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2566 ในความผิดฐาน "ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ หน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคล เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังนั้นเป็นการกระทำโดยทรมาน หรือโดยทารุณโหดร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำนั้นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย"
สถานที่จับกุม ศูนย์ประสานงานกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม (จังหวัดยะลา)
พฤติการณ์ ขณะที่นายซี นามสมมุติ (ผู้เสียหาย) ได้นั่งรับประทานอาหารอยู่หน้าบ้านกับภรรยา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธ จำนวน 4 คน ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด บุกเข้าไปอุ้มตัว นายซี (นามสมมุติ) จากบ้านพักในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ก่อนพาตัวไปกักขังไว้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง แล้วร่วมกันใช้กำลังทำร้ายร่างกายซ้อมทรมานจนนายซีฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงหัก จากนั้นได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาญาติพี่น้องของนายซีฯ ให้นำเงินสด 5 แสนบาทมาให้ เพื่อแลกกับการปล่อยตัว หากไม่ทำตามจะเอากรรไกรตัดใบหูนายซีฯ ให้ขาดหรือทรมานจนเสียชีวิต จนเกิดความกลัว ทางญาติต่อรองจ่ายให้ก่อนจำนวน 3 แสนบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยหามาให้ โดยให้นำเงินมาวางไว้ที่ด่านโก-ลก จ.นราธิวาส
ต่อมาภรรยาของนายซีฯ ก็ได้จ่ายเงินตามคำขอของกลุ่มคนร้ายได้รับเงินจำนวน 300,000 บาท เป็นเงินสด เมื่อได้รับเงินแล้วแลกกับการปล่อยตัวนายซีฯ และทิ้งนายซีฯ ไว้กลางถนนห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กิโลเมตร โดยในระหว่างที่นายซีฯ ถูกลักพาตัวไป ภรรยาของผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ แต่เมื่อเห็นว่า คดีไม่คืบหน้าเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงนำเรื่องดังกล่าวขอความช่วยเหลือกับทาง จนท.ตร.กก.6 บก.ป. หลังรับเรื่องดังกล่าว จนท.ตร.กก.6 บก.ป. ได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทราบว่ามูลเหตุมาจากการที่ผู้เสียหายติดค้างค่ายาเสพติดกับนายทุนยาเสพติดรายใหญ่ จึงได้มีการว่าจ้างอุ้มทวงหนี้ค่ายาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ และอดีต จนท.ทหารพราน
ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับขบวนการเรียกค่าไถ่โหดทวงหนี้ จำนวน 5 ราย ดังกล่าว
ต่อมา จนท.ตร.กก.6 บก.ป. เปิดปฏิบัติการขอนแก่น-นรา ล่าปิดบัญชีแก๊งเรียกค่าไถ่โหด เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 8 จุด แบ่งเป็นพื้นที่ยะลา 3 จุด จ.นราธิวาส 4 จุด และ จ.ขอนแก่น 1 จุด กวาดล้างจับกุมขบวนการอุ้มเรียกค่าไถ่ทวงหนี้ค่ายาเสพติด ซึ่งสามารถจับกุมได้แล้วจำนวน 4 ราย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และยังคงเหลือนายอาดือนันท์ฯ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาหลัก ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุทวงหนี้โหดได้หลบหนีการจับกุมมาอยู่ด้วย
เหตุที่ยากแก่การติดตามตัวนายอาดือนันท์ฯ ผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีอยู่ จึงถูกขึ้นบัญชีหมายจับตามปฏิทินสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2568 ลำดับที่ 207 จนท.ตร.กก.6 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนติดตามหมายจับฯ นายอาดือนันท์ฯ มาโดยตลอด และจนท.ตร.ชุดจับกุมได้รับแจ้งฯ ว่าพบเห็นนายอาดือนันท์ฯ ปรากฏตัวอยู่พื้นที่ ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา (ซึ่งเป็นบ้านของอดีตภรรยา) และอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง กบดาน ทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ ของ จ.ยะลา ตามเชิงเขา ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบและกดดันให้นายอาดือนันท์ฯ มอบตัว
ผลการตรวจสอบไม่พบบุคคลดังกล่าว ซึ่งได้รับแจ้งจากสายลับภายหลังว่า นายอาดือนันท์ฯ ได้อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปก่อน จนท.จะเข้าทำการตรวจสอบต่อมา เนื่องจากนายอาดือนันท์ฯ ถูกกดดันอย่างหนัก จึงขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ที่ศูนย์ประสานงานกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม (จังหวัดยะลา)
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานจากญาติของนายอาดือนันท์ฯ ติดต่อจะขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม และได้เข้ามามอบตัวกับ จนท.ตร. ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายอาดือนันท์ฯ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาด้วยความสมัครใจตามข้อเท็จจริงว่า ในวันและเวลาดังกล่าว ได้มีนายอับดุลรอนิงฯ และนายเฮงฯ ถูก จนท.ตร. จับไปแล้ว ได้มาที่บ้านของผู้ต้องหาในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งนายอับดุลรอนิงฯ ได้ชักชวนนายอาดือนันท์ฯ ไปทำธุระ และได้ให้นายอาดือนันท์ฯ หาคนเพิ่มอีกหนึ่งคน จากนั้นนายอาดือนันท์ฯ จึงได้โทรศัพท์ไปหานายเอกฯ ซึ่งนายอับดุลรอนิงฯ รู้จักเป็นอย่างดี และได้นัดหมายที่บ้านของนายอาดือนันท์ฯ เมื่อครบทั้ง 4 คนแล้ว จึงได้เดินทางไปที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ต่อมานายอาดือนันท์ฯ จึงได้สอบถามนายอับดุลรอนิงฯ ว่าไปทำงานอะไร นายอับดุลรอนิงฯ ได้แจ้งข้าฯ ว่าไปทวงหนี้ที่บ้านของนายอิสมาแอ หรือแอ (ผู้เสียหาย)
เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏพบว่านายอิสมาแอฯ นั่งกินข้าวอยู่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นนายอาดือนันท์ฯ พร้อมด้วยนายอับดุลรอนิงฯ และนายเอกฯ ได้ลงจากรถยนต์ ลงไปเอาตัวนายอิสมาแอฯ เมื่อเอาตัว นายอิสมาแอฯ ขึ้นรถแล้ว มีนายเฮงฯ เป็นคนขับรถ นายอาดือนันท์ฯ นั่งด้านหน้า (ข้างคนขับ) โดยมีนายอับดุลรอนิงฯ และนายเอกฯ นั่งประกบนายอิสมาแอฯ จากนั้นพวกข้าฯ ได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ในคืนนั้นพวกนายอาดือนันท์ฯ ทั้ง 4 คน ได้นอนที่บ้านหลังดังกล่าว
ต่อมาในวันรุ่งขึ้น นายอาดือนันท์ฯ และนายเอกฯ ได้ขับรถยนต์กระบะที่ใช้ในการก่อเหตุ เดินทางกลับบ้านของนายอาดือนันท์ฯ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งในคืนนั้น นายอาดือนันท์ฯ ได้นอนที่บ้านของตนเอง ต่อมาในวันรุ่งขึ้น นายอาดือนันท์ฯ พร้อมกับนายเอกฯ ได้เดินทางไปที่บ้านที่คุมตัวนายอิสมาแอฯ (ผู้เสียหาย) ในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ต่อมา นายอาดือนันท์ฯ จำวันและเวลาได้ไม่แน่ชัด นายอับดุลรอนิงฯ ได้เรียกเงินจากนายอิสมาแอฯ (ผู้เสียหาย) จำนวนเงิน 500,000 บาท จากนั้นนายอิสมาแอฯ (ผู้เสียหาย) ได้โทรศัพท์ไปหาญาติว่ามีคนเรียกเงินค่าทวงหนี้ จำนวน 500,000 บาท จากนั้นนายอับดุลรอนิงฯ ได้รับเงินพร้อมกับ น.ส.ดาฯ ซึ่งนายอาดือนันท์ฯ ไม่ทราบจำนวนเงิน และสถานที่รับเงิน เนื่องจากนายอาดือนันท์ฯ อยู่ที่บ้านควบคุมตัวนายอิสมาแอฯ
เมื่อได้รับเงินแล้วพวกนายอาดือนันท์ฯ ทั้ง 4 คน ได้นำตัวนายอิสมาแอฯ ไปปล่อยบริเวณท้ายหมู่บ้านซึ่งใกล้กับบ้านของนายอิสมาแอฯ จากนั้นนายอับดุลรอนิงฯ มาส่งนายอาดือนันท์ฯ ที่บ้านในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา และได้แยกย้ายกัน ในวันรุ่งขึ้นนายอับดุลรอนิงฯ ได้โทรศัพท์มาหานายอาดือนันท์ฯ เพื่อจะให้เงิน ซึ่งนายอาดือนันท์ฯ จำสถานที่นัดหมายไม่ได้ โดยนายอาดือนันท์ฯ ผู้ต้องหาได้รับเงินประมาณ 30,000 บาท จากนายอับดุลรอนิง
เตือนภัย ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยการไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน หากได้รับความเสียหายควรรวบรวมหลักฐานและแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป