สหรัฐอเมริกา ยิ่งใหญ่อีกครั้งในยุคสงครามภาษี?
แม้ว่าการประกาศอัตราภาษีใหม่ของสหรัฐฯ จะทำให้โลกเห็นนโยบายการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชัดเจนมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลายประเทศก็ยังหวั่นใจไม่น้อยว่า หลังจากนี้จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ไม่ว่าจะปิดดีลการค้าได้หรือไม่ แต่ทุกประเทศก็โดนผลกระทบกันทั้งนั้นไม่มากก็น้อย
ที่สำคัญ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยออกมาเปรยๆ ว่า ภาษีพื้นฐานที่เดิมเก็บอยู่ที่ 10% ทั่วโลก ตอนนี้กำลังดูๆ ว่าจะเพิ่มเป็น 15-20% ด้วยหรือเปล่า
ในยุคสงครามภาษีแบบนี้ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออกและผู้บริโภคคงต้องปรับตัวกันมากหน่อย หลังการประกาศกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในหลายรูปแบบกับทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ภาพรวมอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเฉลี่ยดีดตัวพุ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 ซึ่งเป็นยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า นี่เป็นช่วงเวลารุ่งอรุณแห่งยุคทองของสหรัฐฯ พร้อมทั้งออกโรงปกป้องข้อครหาเกี่ยวกับกำแพงภาษี โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งยังทำให้สหรัฐฯ กลับมายิ่งใหญ่และร่ำรวยอีกครั้ง
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่า รัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศกว่า 87,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 2.8 ล้านล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ารายได้จากภาษีนำเข้าที่จัดเก็บตลอดทั้งปี 2024 เสียอีก
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังส่งสัญญาณด้วยว่า อาจจะปรับอัตราภาษีพื้นฐานทั่วโลก จากเดิม 10% เพิ่มเป็น 15-20% ด้วย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นตัวเลขไหน ซึ่งทรัมป์ มองว่า ทุกประเทศต้องยอมจ่าย ถ้าต้องการทำธุรกิจในสหรัฐฯ เพราะยังไง สหรัฐฯ ก็ไม่สามารถนั่งเจรจาและปิดดีลการค้า 200 ฉบับได้แน่ๆ
ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ สามารถปิดดีลได้กับอย่างน้อย 10 คู่ค้า ในจำนวนนี้มี 6 ชาติสมาชิกอาเซียนรวมอยู่ด้วย ซึ่งได้อัตราภาษีที่ 19-20% ขณะที่ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง รวมทั้งมีแต้มต่อรองเพิ่มเป็นเรื่องการลงทุน ทำให้สามารถปิดดีลได้ที่ 15%
แต่ไม่ใช่พันธมิตรทุกประเทศที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ได้สำเร็จ แม้จะเริ่มเจรจากันตั้งแต่ช่วงเดือนแรกๆ ก็ตาม โดยเฉพาะแคนาดา เม็กซิโกและอินเดีย อย่างแคนาดาโดนทรัมป์วิจารณ์หนัก หลังมาร์ก คาร์นีย์ ประกาศแผนรับรองรัฐปาเลสไตน์บนเวทีประชุมสมัชชาสหประชาชาติในเดือน ก.ย.นี้ ทำให้แคนาดาต้องเจอกับภาษีสูงถึง 35% ส่วนเม็กซิโก สหรัฐฯ ระงับเก็บภาษี 30% ออกไปอีก 90 วัน หลังการหารือระหว่างผู้นำสองประเทศ
ขณะที่รัฐมนตรีการค้าอินเดียประกาศกลางสภาเมื่อวานนี้ ว่า รัฐบาลกำลังหารือกับบริษัทผู้ส่งออก ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องร่วมประเมินผลกระทบ หากสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียที่ 25% หลังทรัมป์ไม่พอใจที่อินเดียซื้ออาวุธและน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมทั้งระบุด้วยว่า สหรัฐฯ จะมีมาตรการลงโทษเพิ่มเติมด้วย แต่ไม่บอกว่าจะเป็นมาตรการอะไร
ตอนนี้ หลายคนจับตาดูท่าทีของสหรัฐฯ และจีนว่า จะตกลงเลื่อนเส้นตายกำแพงภาษี จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 12 ส.ค.นี้หรือไม่ หลังจากสองมหาอำนาจโลกนั่งโต๊ะเจรจาที่สวีเดน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน จีนโดนอัตราภาษีอยู่ที่ 30% เป็นการชั่วคราวระหว่างรอการเจรจาปิดดีลกับสหรัฐฯ
ทรัมป์แบ่งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าออกเป็นหลายรูปแบบ ทั้งแบบเก็บรายประเทศกับสินค้าทุกประเภท และแบบที่เลือกเก็บภาษีจากสินค้าบางรายการ ซึ่งปัจจุบัน ที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ใช่แค่คำขู่ ก็มีทั้งภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่เพิ่มจาก 25% เป็น 50% ก่อนหน้านี้
ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ 25% ถือเป็นปัญหาหนักอกของประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อังกฤษและหลายชาติในยุโรป ทำให้ต้องเร่งปิดดีลเพื่อลดกำแพงภาษีในส่วนนี้ ซึ่งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ถือว่าทำผลงานเจรจาในจุดนี้ได้ดี ส่วนทองแดง ทรัมป์เพิ่งลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษี 50% ซึ่งจะเริ่มมีผลวันนี้
นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศทำสงครามภาษีกับทั้งโลกในวันแห่งการปลดปล่อย 2 เม.ย. ผู้นำสหรัฐฯ เลื่อนกำหนดเส้นตายการบังคับใช้ภาษีตอบโต้กับทุกประเทศมาแล้ว 2 ครั้ง
ขณะที่ครั้งนี้ แม้ทรัมป์จะประกาศก่อนหน้านี้ว่า ไม่เลื่อนเส้นตายแน่ๆ แต่ข้อมูลจากประกาศอัตราภาษีใหม่ของทำเนียบขาว ก็ชี้ว่า มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลในอีก 7 วันข้างหน้า ซึ่งใน 7 วันนี้ อาจจะเป็นโอกาสให้ประเทศที่ยังปิดดีลไม่ได้และโดนภาษีสูงๆ เร่งเจรจาต่อหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากสงครามภาษีในครั้งนี้ นั่นคือการใช้อำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มาต่อรองกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงและการเมือง ได้ผลจริง กลยุทธ์ที่ได้ผลเช่นนี้ ทรัมป์ก็น่าจะหยิบออกมาใช้เรื่อยๆ แน่ๆ ดังนั้น สงครามภาษีคงจบยาก
อ่านข่าว :
ภาษีทรัมป์เขย่าเอเชีย ใครรอด-ใครร่วง ?
"พิชัย" ชี้ภาษีสหรัฐฯ 19 % ยังช่วยไทยแข่งเวทีโลกได้ ยันมีแผนดูแลผลกระทบ
เปิดลิสต์ "ทรัมป์" ปรับภาษีโลก "ซีเรีย" หนักสุด 41%
"ทรัมป์" ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 19% เท่ากัมพูชา มาเลเซีย มีผล 1 ส.ค.