อาจารย์สุดช้ำ! เมียปันใจแอบกินกับ “รอง ผอ.” เพื่อนรัก กอดจูบชัดๆ บอกแค่หยอกล้อ
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี อาจารย์วิทยาลัยแห่งหนึ่ง นำเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ กรณีภรรยาของตนเองไปแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ รอง ผอ.วิทยาลัย ที่ตนเองสอนอยู่ ซึ่ง รอง ผอ. คนดังกล่าว อายุ 51 ปี เป็นเพื่อนรักกับตนเองมาเป็น 10 ปี ทำให้เสียใจมากจนคิดอย่ากจะฆ่าตัวตาย หรือเอาปืนไปยิง รอง ผอ. คนนี้ไปเลย แต่ด้วยความเป็นห่วงคุณแม่ของตนที่อายุเยอะแล้ว และลูกสาวอีก 3 คน ทำให้ต้องเก็บความกล้ำกลืนฝืนทนมานานหลายปี ก่อนจะตัดสินใจเข้ามาร้องเรียนขอความเป็นธรรม
นายเอ เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนเองอยู่กินจดทะเบียนสมรสกับภรรยามานานหลายสิบปีจนมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน คนโตมีครอบครัวแล้ว คนรองกำลังเรียนหนังสืออยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนคนเล็ก อายุเพียง 10 ขวบเศษ เมื่อปี 65 ภรรยาตนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปไม่ค่อยกลับบ้าน โดยภรรยาจะเปิดร้านขายของชำอยู่ภายในสหการของวิทยาลัยแห่งนี้ ตนสงสัยว่า รอง ผอ. น่าจะมีสัมพันธ์เกินเลยกับภรรยาของตน เพราะเห็นทั้งคู่มักพูดคุยสนิทสนม ตนจึงแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในร้านสหการขายของชำที่ภรรยาเปิดขายอยู่ในวิทยาลัย
กระทั่งวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา รอง ผอ. รายนี้ ได้เข้ามาหาภรรยาของตนภายในร้าน โดยมีพฤติกรรมที่เห็นในกล้องวงจรปิดคือ ทั้งสองคนพยายามหยอกล้อพูดคุย ต่อมาภรรยาได้เดินไปดูหน้าประตูไม่เห็นว่ามีลูกค้าเป็นนักศึกษาเข้ามาใช้บริการ จึงเดินมาหารอง ผอ. รายนี้ ก่อนจะเปิดเสื้อให้ดูหน้าอก แล้วทั้งสองคนเดินเข้าไปในมุมอับ จากนั้น รอง ผอ.ได้กอดจูบขยำก้นภรรยาของตน ซึ่งในคลิปใครเห็นก็รู้ว่าทั้งสองคนต้องมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่านี้อย่างแน่นอน
หลังเกิดเหตุตนพยายามคาดคั้นภรรยา ซึ่งก็บอกว่าเป็นการหยอกล้อเล่นกัน ตนได้นำเรื่องไปร้องที่สำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) แต่เรื่องก็เงียบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนเคยเข้าร้องเรียนกับ ผอ. ก็พูดแต่เพียงว่าให้ไปร้องหน่วยงานโดยตรง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันเสื่อมเสียกับทางวิทยาลัย ทุกวันนี้ตนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ นอนร้องไห้ทุกคืน เก็บความช้ำกล้ำกลืนมาตลอดตั้งแต่ปี 65 อยากให้หน่วยงานต้นสังกัดลงโทษ รอง ผอ. รายนี้ ตามระเบียบวินัยของทางราชการ เพราะไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับคนอื่น ทั้งๆ ที่เขาก็มีภรรยาจดทะเบียนสมรส แต่ไม่มีลูกด้วยกัน
ทนายรณณรงค์ เผยว่า พฤติกรรมในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่กระทบศักดิ์ศรีของวิชาชีพครู แต่ยังส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการศึกษา โดยเฉพาะเมื่อผู้บังคับบัญชาเพิกเฉย ไม่ยอมดำเนินการตามหน้าที่ ซึ่งอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนผู้เสียหายคืออาจารย์ท่านนี้ สามารถดำเนินเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516 ฟ้องชู้เรียกเงินค่าเสียหายได้เลย มูลนิธิจะดำเนินการ 2 อย่างคือ 1.ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายส่วนแพ่งเรื่องเป็นชู้ ที่ศาลครอบครัวจังหวัด 2.ดำเนินคดีเรื่องวินัยให้มีผลไล่ออกทันที
ตนอยากให้หน่วยงานที่เป็นผู้บังคับบัญชา ต้องมีคำสั่งออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง มูลนิธิฯ จึงขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ เร่งรัดการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง และดำเนินการโดยเคร่งครัด เพื่อฟื้นฟูศรัทธาต่อระบบการศึกษาของไทยเรา