พรุ่งนี้ที่ ศาล รธน.กับคำวินิจฉัยเขย่ารัฐบาลปมคลิปเสียง “อังเคิลฮุน-หลานอิงค์”
เข้าสู่วันที่1 กรกฎาคม 2568 กับคิวแรกเขย่าเก้าอี้ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร กับการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คน ซึ่งขอให้วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ นี่คือประเด็นร้อนที่อาจสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลและชี้อนาคตการเมืองไทยอย่างมีนัยสำคัญ
ประเด็นร้อนที่ศาล รธน.คาดว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณา
ใจความสำคัญของคำร้องอยู่ที่กล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยมี คลิปเสียงสนทนาระหว่างหลานอิ๊งค์ นางสาวแพทองธารกับ อังเคิล สมเด็จฮุนเซน เป็นหลักฐานสำคัญที่ถูกอ้างว่าอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
นอกจากนี้ในคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยสิ้นสุด
จุดชี้ชะตาเขย่าเก้าอี้ “แพทองธาร”
- ศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่? นี่คือด่านแรกที่สำคัญที่สุด หากไม่รับคำร้อง คดีก็เป็นอันยุติไป ซึ่งเรื่องนี้ ศ.ดร.จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้างเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า น่าจะรับคำร้องไว้พิจารณา
- หากรับคำร้อง จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่? เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลฯ
ผลกระทบหาก "นายกฯ" ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
ในส่วนของรัฐบาลแพทองธาร จะเกิดสุญญากาศผู้นำชั่วคราว คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมรักษาการแทน แต่นั่นจะนำไปสู่ความไม่แน่นอนในรัฐบาล การขับเคลื่อนนโยบายชะงักงัน และเกิดแรงกดดันจากทั่วสารทิศ กับคำถามถึงธรรมาภิบาลและความชอบธรรมในการบริหาร
ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ที่จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทย-ต่างชาติถึงเสถียรภาพทางการเมือง การชะลอลงทุนส่งผลต่อค่าเงินและตลาดหลักทรัพย์ ความเชื่อมั่นของประชาชนก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับตัวนางสาวแพทองธาร หากคำวินิจฉัยมีความผิดและพ้นจากตำแหน่ง ไม่เพียงตัวเองจะหมดอนาคตทางการเมือง ไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ได้อีกแล้วเท่านั้น ยังจะเป็นคนรุ่นสุดท้ายของนายกฯ ที่มาจากตระกูลชินวัตรหรือไม่
ลุ้น ! พรุ่งนี้คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาการเมือง
การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อสถานะของนางสาวแพทองธาร แต่ยังสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลและทิศทางการเมืองไทยในระยะถัดไปอย่างมีนัยสำคัญ เพราะไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งใดๆ ในเรื่องนี้ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยก็จะกำหนดจังหวะเคลื่อนไหวเช่นกัน