แอลจี เผยกำไร Q2/68 ลดแม้ธุรกิจ B2B แข็งแกร่ง
แอลจี เปิดรายได้ไตรมาส 2 รวม 4.78 แสนล้านบาท กำไร 1.48 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนรับแรงกระแทกตลาดโลกชะลอตัว-ภาษีสหรัฐฯ กระทบกำไร แต่กลุ่มโซลูชันยานยนต์ทำสถิติสูงสุด เร่งวางรากฐานโตระยะยาวผ่านพอร์ตโฟลิโอใหม่
บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด (แอลจี) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีรายได้รวม 20.74 ล้านล้านวอน (ประมาณ 4.78 แสนล้านบาท) และกำไรจากการดำเนินงาน 639.4 พันล้านวอน (ประมาณ 1.48 หมื่นล้านบาท)
ซึ่งทั้งสองตัวเลขลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากภาวะตลาดโลกที่ถดถอยอย่างต่อเนื่อง ภาระภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรง และต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น
แม้เผชิญความท้าทายดังกล่าว แต่กลุ่มธุรกิจที่เน้นโซลูชันยังคงมีผลงานแข็งแกร่ง โดยกลุ่มธุรกิจโซลูชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Home Appliance Solution หรือ HS) กลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ (Vehicle Solution หรือ VS)
และกลุ่มธุรกิจโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco Solution หรือ ES) ต่างมีรายได้และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และทำผลประกอบการไตรมาส 2 ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ที่สร้างสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาส
ในทางกลับกัน กลุ่มธุรกิจโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิง (Media Entertainment Solution หรือ MS) รายงานการขาดทุนจากการดำเนินงาน ซึ่งเป็นผลจากยอดขายโทรทัศน์ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโฆษณาและเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม webOS ยังคงสร้างกำไรและมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้โดยรวมของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แอลจี เสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มธุรกิจ B2B เช่น ส่วนประกอบยานยนต์และระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และปรับอากาศ (HVAC) รวมถึงกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ เช่น ธุรกิจบอกรับสมาชิก (Subscription) และแพลตฟอร์ม webOS ตลอดจนธุรกิจแบบ Direct-to-Consumer (D2C) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ในไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้จากธุรกิจ B2B ซึ่งรวมถึงโซลูชันยานยนต์ ส่วนประกอบ และโรงงานอัจฉริยะ รวมถึงระบบ HVAC เพิ่มขึ้น 3% เป็น 6.2 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.43 แสนล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รายได้จากธุรกิจบอกรับสมาชิกเพิ่มขึ้น 18% อยู่ที่ 630 พันล้านวอน (ประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท)
กลุ่มธุรกิจเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอของบริษัท เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนด้านอุปสงค์น้อยกว่า และสามารถสร้างช่องทางรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีอัตรากำไรสูง
ผลประกอบการและแนวโน้มตามกลุ่มธุรกิจ
- กลุ่มธุรกิจโซลูชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (HS) : มีรายได้ 6.59 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.52 แสนล้านบาท) และกำไร 439.9 พันล้านวอน (ประมาณ 10.14 พันล้านบาท)
ซึ่งเป็นผลประกอบการไตรมาส 2 ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้ตลาดผู้บริโภคอ่อนตัว แรงกดดันภาษีศุลกากร และต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันผ่านกลยุทธ์ทั้งตลาดพรีเมียมและตลาดทั่วไป รวมถึงการขยายธุรกิจ Subscription และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- กลุ่มธุรกิจโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิง (MS) : รายงานรายได้ 4.39 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.01 แสนล้านบาท) และขาดทุนจากการดำเนินงาน 191.7 พันล้านวอน (ประมาณ 4.42 พันล้านบาท)
สาเหตุหลักจากยอดขายทีวีที่ลดลงและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขยายตลาดในกลุ่มประเทศโลกใต้ และคาดว่าธุรกิจแพลตฟอร์ม webOS จะเติบโตต่อเนื่อง
- กลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ (VS) : สร้างสถิติรายได้ไตรมาส 2 ที่ 2.85 ล้านล้านวอน (ประมาณ 6.56 หมื่นล้านบาท) และกำไร 126.2 พันล้านวอน (ประมาณ 2.91 พันล้านบาท)
ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ ได้แรงหนุนจากยอดคำสั่งซื้อคงค้างจำนวนมากและยอดขาย OEM ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป การปรับกลยุทธ์สู่ระบบสาระบันเทิงภายในรถยนต์ (IVI) ระดับพรีเมียม ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
- กลุ่มธุรกิจโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม (ES) : สร้างรายได้ไตรมาส 2 ที่ 2.64 ล้านล้านวอน (ประมาณ 6.08 หมื่นล้านบาท) และกำไร 250.5 พันล้านวอน (ประมาณ 5.77 พันล้านบาท)
ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในไตรมาส 2 การเติบโตมาจากความต้องการเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยในเกาหลี รวมถึงการขยายตัวในกลุ่ม HVAC เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม
สำหรับครึ่งปีหลัง แอลจีตั้งเป้าขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อการเติบโตในระยะยาว และแสวงหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่อย่างศูนย์ข้อมูล AI