“เศรษฐา” เหมาลำไย 7,000 กิโล ช่วยเกษตรกรแพร่ ลุยช่วยเองไม่รอใคร
อดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน แสดงจุดยืนในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมและปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ด้วยการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า "ส่วนตัวผมยังยืนยันเหมือนเดิมครับว่า การช่วยเหลือเริ่มต้นได้จากตัวเราเอง ใครมีมากก็ช่วยมากหน่อย ใครมีน้อยก็ไม่เป็นไร"
"หลายคนที่เคยฟังผมพูดน่าจะเคยได้ยินว่า อย่าเอาเวลาไปตั้งคำถามว่าทำไมคนนั้นไม่ช่วย ทำไมคนนี้ไม่ช่วย ทำได้เท่าไหร่ก็ทำเถอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วเราอยู่บ้านเดียวกัน ครั้งนี้ผมส่งลำไยจากแพร่ที่ประสบภัยน้ำท่วมมา 7,000 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งส่งให้พนักงานบริษัทเก่าของผมมารับไปช่วยกันทาน ดีใจมากที่ทราบว่า แสนสิริและพาร์ตเนอร์ได้ร่วมกันช่วยเหลือไปแล้วกว่า 50,000 กิโลกรัมครับ"
ยิ่งไปกว่านั้น เกษตรกรไทยกำลังเผชิญกับ ปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ และการกระจุกตัวของผลผลิตในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐและภาคเอกชนต้องร่วมกันแก้ไข
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อรับฟังปัญหาและติดตามสถานการณ์ผลผลิตลำไยภาคเหนือที่กำลังออกสู่ตลาด โดยปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตลำไยเพิ่มขึ้นจาก 900,000 ตัน เป็นมากกว่า 1 ล้านตัน ส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องราคาตกต่ำและการกระจุกตัวของผลผลิตในแหล่งผลิต
กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งเดินหน้า 8 มาตรการหลัก เพื่อระบายผลผลิตลำไยรวม 151,000 ตัน โดยเน้นเชื่อมโยงตลาดภายในประเทศ การแปรรูป และการส่งออก ประกอบด้วยการรวบรวมลำไยสดช่อเพื่อส่งออก 15,000 ตัน การจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภค “Thai Fruits Festival 2025” ทั่วประเทศ การเชื่อมโยงตลาดผ่านผู้ประกอบการและห้างค้าปลีก รวมถึงสนับสนุนภาคเอกชนรับซื้อลำไยเพื่อทำ CSR การสนับสนุนกล่องและค่าขนส่งโดยไปรษณีย์ไทย การขายผ่านตู้เต่าบิน แอร์เอเชีย รวมถึงขยายตลาดต่างประเทศผ่านทูตพาณิชย์ทั้ง 58 แห่งทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการค้าไม่น้อยกว่า 5,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือดูแลโรงอบลำไยกว่า 50 แห่ง ให้สามารถรองรับลำไยสดเกรด A ที่จะอบแห้งส่งออก โดยเพิ่มปริมาณเป้าหมายจาก 50,000 ตัน เป็น 101,000 ตัน พร้อมจัดทำแผนเชื่อมโยงจังหวัดให้โรงอบสามารถรับผลผลิตได้ต่อเนื่องตลอดฤดูกาล