'ทรัมป์' ลั่น จะขับไล่ 'คนไร้บ้าน' ออกจากเมืองหลวงและจับอาชญากรขังคุก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ให้คำมั่นในวันอาทิตย์ (10 ส.ค.) ว่าจะขับไล่คนไร้บ้านออกจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และคุมขังอาชญากร ขณะที่นายกเทศมนตรีแย้งว่าการก่ออาชญากรรมไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน
ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ในทรูธโซเชียล
“คนไร้บ้านต้องออกไปทันที เราจะให้ที่พัก แต่อยู่ไกลจากเมืองหลวง ส่วนอาชญากร คุณไม่ต้องย้ายไปไหน เราจะจับคุณเข้าคุก ที่ที่คุณควรอยู่”
ด้านทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะอธิบายถึงอำนาจทางกฎหมายที่ทรัมป์อาจเลือกใช้เพื่อขับไล่คนไร้บ้านออกจากวอชิงตัน ขณะที่ประธานาธิบดีมีอำนาจควบคุมเพียงที่ดินและอาคารต่างๆ ในเมืองหลวง
รอยเตอร์สรายงานว่า ทรัมป์มีกำหนดการแถลงข่าวในวันจันทร์ (10 ส.ค.) เพื่อยุติอาชญากรรมรุนแรงในวอชิงตันดีซี แต่ยังไม่แน่ชัดว่าทรัมป์จะประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนขับไล่คนไร้บ้านหรือไม่
ทรัมป์ยังได้โพสต์รูปในทรูธโซเชียล เผยให้เห็นภาพเตนท์และถนนในกรุงวอชิงตันที่มีขยะ พร้อมระบุ
“ผมจะทำให้เมืองหลวงปลอดภัยมากขึ้น และสวยงามมากกว่าที่เคยเป็น”
ตามข้อมูลของคอมมูนิตี พาร์ทเนอร์ชิป องค์กรที่ดำเนินการลดจำนวนคนไร้บ้านในดีซี ระบุว่าในแต่ละคืน มีคนโสด 3,782 คนที่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้านในเมืองที่มีประชากรประมาณ 700,000 คน และคนไร้บ้านส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือที่พักอาศัยชั่วคราว ขณะที่ประมาณ 800 คนไม่มีที่อยู่อาศัย หรือ “อาศัยอยู่บนท้องถนน”
มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีวอชิงตันดีซีจากเดโมแครต เผยเมื่อวันเสาร์ (9 ส.ค.) ว่า อาชญากรรมในเมืองหลวงไม่ได้เพิ่มขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทรัมป์ถูกทำร้ายในวันศุกร์ (8 ส.ค.) ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีไม่พอใจมาก
โบว์เซอร์เผยในรายการ Weekend ทางช่อง MSNBC ว่า อาชญกรรมในเมืองพุ่งสูงขึ้นในปี 2023 แต่ปีนี้ไม่ใช่ และว่าสองปีที่ผ่านมาเมืองพยายามลดอาชญากรรมรุนแรงต่อเนื่อง และส่งผลให้ลดลงต่ำสุดในรอบ 30 ปี
ด้านกรมตำรวจของเมืองรายงานว่า อาชญากรรมรุนแรงในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2025 ในกรุงวอชิงตันดีซี ลดลง 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่อาชญากรรมโดยรวมลดลงประมาณ 7%
โบว์เซอร์บอกด้วยว่าทรัมป์ตระหนักดีถึงการทำงานของเมืองกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง และหากทรัมป์ต้องการควบคุมเมืองหลวง สภาคองเกรสอาจต้องผ่านกฎหมายยกเลิกการปกครองโดยผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งในท้องถิ่น และทรัมป์ต้องลงนามการเปลี่ยนแปลงนี้
อ้างอิง: Reuters