แตงโมแดง vs แตงโมเหลือง อันไหนมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่ากัน? กูรูให้คำตอบ
แตงโมเนื้อแดงกับแตงโมเนื้อเหลือง อันไหนมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่ากัน? นักโภชนาการให้คำตอบ
ผลไม้คลายร้อนที่สุดในหน้าร้อนคงหนีไม่พ้นแตงโม แต่วันหนึ่งควรกินเท่าไรดี? แตงโมเนื้อแดงกับเนื้อเหลือง อันไหนมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่ากัน? มาฟังนักโภชนาการ เกา มินมิน ชาวไต้หวัน แนะนำกัน
แตงโมกินวันละเท่าไรดี?
นักโภชนาการแนะนำให้กินวันละ 1 หน่วย ซึ่งประมาณ 8 ส่วนของชามข้าว หากชอบกินมากจริง ๆ วันหนึ่งก็ไม่ควรเกิน 3 หน่วย และควรเว้นช่วงระหว่างมื้อด้วย
ประโยชน์เพื่อสุขภาพของแตงโม
แตงโมมีน้ำสูงถึงกว่า 90% จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเติมน้ำให้ร่างกายและช่วยคลายร้อน อีกทั้งยังอุดมด้วยโพแทสเซียม ช่วยปรับสมดุลอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ป้องกันความเหนื่อยล้าและอาการฮีตสโตรกจากการเสียเหงื่อมาก
นอกจากนี้ แตงโมยังมีไลโคปีนและวิตามินซีสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระต่อเซลล์ ชะลอวัย และเสริมภูมิต้านทาน
ใยอาหารในแตงโมช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ส่งเสริมการย่อยอาหาร และเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก รสหวานธรรมชาติของแตงโมยังช่วยเติมความสุขทางรสชาติ โดยสุขภาพดีกว่าน้ำตาลหรือขนมหวานที่มีแคลอรีสูง
แตงโมเนื้อแดง vs แตงโมเนื้อเหลือง อันไหนมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า?
แตงโมทั้งสองชนิดมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างที่สารอาหารบางชนิด:
แตงโมเนื้อแดง อุดมด้วยไลโคปีนสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด
แตงโมเนื้อเหลือง มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
สรุปคือ เลือกกินตามรสนิยมได้ทั้งสองชนิด เพราะคุณค่าทางโภชนาการไม่ต่างกันมาก แต่แต่ละชนิดก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว
คุณค่าทางโภชนาการของแตงโมเนื้อแดง vs เนื้อเหลือง (ต่อ 100 กรัม)
สารอาหาร แตงโมเนื้อแดง แตงโมเนื้อเหลือง พลังงาน 32 kcal 29 kcal คาร์โบไฮเดรต 8 g 7.3 g โปรตีน 0.8 g 0.7 g ไขมัน 0.1 g 0.1 g โพแทสเซียม 121 mg 99 mg สังกะสี 0.2 mg 0.3 mg เบต้าแคโรทีน 412 μg 1 μg วิตามิน C 6.8 mg 5.4 mg ซีทรูลีน น้อย มาก
แตงโมเนื้อแดง เหมาะกับผู้ที่เน้นต้านอนุมูลอิสระและบำรุงหัวใจ เพราะมีไลโคปีนและวิตามิน C สูง
แตงโมเนื้อเหลือง เหมาะกับผู้ที่ต้องการซีทรูลีนสูง ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือดและฟื้นฟูร่างกาย
ทั้งสองชนิดแคลอรีต่ำ กินแล้วสดชื่นและดีต่อสุขภาพ เลือกตามความชอบและจุดประสงค์ด้านโภชนาการได้เลย
นักโภชนาการ เกา มินมิน แชร์ว่า แตงโมเนื้อแดงและเนื้อเหลืองต่างก็มีข้อดีเฉพาะตัว เช่น แตงโมเนื้อแดง มีวิตามิน A และเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงผิวและดูแลสายตา ส่วน แตงโมเนื้อเหลือง มีซีทรูลีนมาก สามารถเปลี่ยนเป็นอาร์จินีน ช่วยให้หลอดเลือดผ่อนคลาย คลายความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์
นักโภชนาการยังเตือนว่า การกินแตงโมมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลผันผวน เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหาร และอาจเพิ่มภาระต่อไตหรือทำให้ร่างกายบวมน้ำได้ ดังนั้นผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อน แพ้น้ำตาล หรือกำลังควบคุมน้ำหนัก ควรใส่ใจ การควบคุมปริมาณ เพื่อสุขภาพที่ดี