"ดร.เสรี" ไขข้อสงสัย ปลายปีนี้ จะมีน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี54 หรือไม่
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้เชี่ยวชาญของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ออกมาเปิดเผยถึง บทเรียนจากพายุ3ลูก พร้อมคาดการณ์สภาพอากาศช่วงปลายปีว่าจะเป็นอย่างไรจะมีน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 หรือไม่ ?
- ช่วยกันแชร์เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย
- บทเรียนจากพายุ3ลูกคืออะไร ?
- สภาพอากาศช่วงปลายปีคาดว่าจะเป็นอย่างไรจะมีน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 หรือไม่ ?
- ทุกภาคส่วนไม่ปรับตัวไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ลำบากในอนาคต !
สภาพอากาศร้อนอบอ้าวในช่วงบ่าย เกิดพายุ 3 ลูกติดๆกันในรอบเดือนกว่าๆที่ผ่านมาบ่งชี้ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่เกิดจากแผ่นดิน และทะเลที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ความรุนแรง และทิศทางของพายุแตกต่างกันตามเฉดสีส้ม และเหลือง (ดูรูปแนบ) โดยพายุ “วิภา” ให้ปริมาณฝนสะสม รวมทั้งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสูงสุด (ประมาณ 300-400 มม) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ IPCC ที่ได้ทำการประเมินสภาพภูมิอากาศตามรายงานฉบับที่ 6 (AR6) พบว่าจำนวนพายุโดยเฉลี่ยต่อปี (25 ลูก) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
แต่ที่เปลี่ยนไปคือพายุจะมีความรุนแรงมากขึ้น ที่เคยเป็นพายุโซนร้อน จะเป็นไต้ฝุ่น ที่เคยเป็นไต้ฝุ่น จะเป็นซุบเปอร์ไต้ฝุ่นที่จะทำให้มีปริมาณฝน และความเร็วลมมากขึ้น โดยช่วงเดือนที่เหลือในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะยังคงมีพายุเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก (ซีกตะวันตก) อีกประมาณ 12 ลูก (แต่ไม่สามารถคาดการณ์จำนวนที่จะเข้าสู่ประเทศไทยได้)
- ปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำไหลหลาก
น้ำท่วมรอการระบาย น้ำท่วมชุมชน และน้ำล้นตลิ่ง นอกจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่กล่าวข้างต้น ยังมีเรื่องของการจัดการ เช่น การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ผังเมือง และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะ ถนน ผนังกั้นน้ำ ระบบระบายน้ำ เป็นต้น พื้นที่แต่ละแห่ง แต่ละชุมชนมีขีดความสามารถในการจัดการน้ำ การระบายน้ำ การเตรียมความพร้อมที่แตกต่างกัน และหลายชุมชนไม่เข้าใจขีดจำกัดของตนเอง แม้ว่าจะมีการคาดการณ์จากหน่วยงานกลาง
และได้รับการเตือนภัยจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (โดยเฉพาะการเตือนโดย Cell boardcast) แต่ผลกระทบยังคงรุนแรง มีความสูญสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินในหลายพื้นที่ การประเมินความเสี่ยง ความรุนแรง และแนวทางการปรับตัว (ทั้งมาตรการเชิงโครงสร้าง และไม่ใช้โครงสร้าง) ในอนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้ง หรือลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
- ลานีญา
การคาดการณ์ระยะสั้น สภาพอากาศ จะร้อนมากกว่าปกติในภาคบ่ายตลอดทั้งเดือนกันยายน จนถึงกลางเดือนตุลาคม ปริมาณฝนจะยังคงมากกว่าปกติในสัปดาห์แรก และจะลดลงเป็นปกติตามลำดับ (ต้องติดตามการเกิดพายุจรตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน)
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ปรากฎการณ์ “ลานีญา” (อ่อนๆ) จะมาช่วงปลายปี แต่ปริมาณฝนคาดการณ์จะไม่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 พฤติกรรมน้ำท่วมจะเป็นแบบน้ำท่วมรอการระบาย (น้ำท่วมทุ่ง น้ำท่วมชุมชน)
- เอลนีโญ
ส่วนพื้นที่ภาคใต้ หลายแบบจำลองบ่งชี้จะไม่มีน้ำท่วมรุนแรงเหมือนปี 2567 ที่ผ่านมา (ยกเว้นหากพายุจรเข้าที่ใด ซึ่งอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ และติดตามการคาดการณ์ระยะสั้นๆซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้) ในทางกลับกัน สภาพอากาศอาจจะสลับขั้วไปสู่ปรากฎการณ์ “เอลนิญโญ” ตั้งแต่ต้นปีหน้า จะมีการ Update สถานการณ์อย่างต่อเนื่องน่ะครับ