สินค้าประมงไทยส่อวูบ ทรัมป์กดภาษี 19%ฉุดกุ้ง-ทูน่าหาย 4,800 ล้าน
ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐอเมริกามากกว่านำเข้า ส่งผลให้ไทยได้ดุลการค้าในทุกปี โดยรอบ 10 ปี (2558-2567) ที่ผ่านมาไทยได้ดุลการค้าสินค้าประมงสหรัฐเฉลี่ย 40,556 ล้านบาทต่อปี โดยปี 2567 ได้ดุลการค้ามากถึง 47,087 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุดสหรัฐ-ไทยปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐ (Reciprocal Tariffs) ที่ 19% ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าประมงไทยเข้าสหรัฐมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
นายประพันธ์ โนระดี หัวหน้ากลุ่มวิเคราะห์การค้าสินค้าประมงระหว่างประเทศ กรมประมง เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดนำเข้าสินค้าประมงใหญ่สุดของไทยและของโลก รอบ 10 ปี ที่ผ่านสหรัฐมีปริมาณการนำเข้าเฉลี่ย 3 ล้านตันต่อปี มูลค่าเฉลี่ย 8.11 แสนล้านบาท ขณะที่ไทยมีการส่งออกสินค้าประมงไปตลาดสหรัฐสัดส่วน 21.79% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงทั้งหมด โดยมีปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 236,255 ตันต่อปี ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.09% ต่อปี ส่วนมูลค่าเฉลี่ย 46,413 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้น 2.26% ต่อปี โดยในปี 2536 ส่งออกสูงสุดทั้งแง่ปริมาณและมูลค่าในรอบ 10 ปี
สำหรับสินค้าประมงของไทยที่ผลิตในประเทศแล้วส่งออกไปสหรัฐส่วนใหญ่ ได้แก่ กลุ่มกุ้ง กลุ่มปลาทะเล ทูน่าและเครื่องปรุงรส ส่วนสินค้าที่มาจากการนำเข้าบางส่วน ได้แก่ ทูน่า อาหารสุนัขหรือแมว กลุ่มปลาทะเล และกลุ่มกุ้ง ซึ่งจากการประเมินผลกระทบเบื้องต้นอัตราภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) อัตราใหม่ที่ไทยได้รับจากสหรัฐที่ 19% ขณะที่คู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดนี้ อาทิ อินโดนีเซียถูกเรียกเก็บ 19%, เวียดนาม 20% ซึ่งใกล้เคียงกับไทย
ขณะที่เอกวาดอร์เท่ากับ 15% ตํ่ากว่าไทยเล็กน้อย อินเดีย 25% ซึ่งสูงกว่าไทย ทำให้มองว่าการส่งออกสินค้าประมงไปตลาดสหรัฐของไทยไม่ได้เสียเปรียบคู่แข่งจากอัตราภาษี แต่ในภาพรวมอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินค้าในตลาดสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้อุปสงค์สินค้าประมงในตลาดสหรัฐลดลง รวมถึงผู้ส่งออกอาจต้องแบกรับต้นทุนภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้าประมงไปสหรัฐในปีนี้จะลดลง 5-10% จากปีก่อน คิดเป็นปริมาณที่ลดลง 12,321-24,641 ตัน และมูลค่าลดลง 2,410-4,821 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีในสินค้ากุ้งของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐ จะมีการประกาศภาษีทุ่มตลาด (AD) รอบใหม่ในวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ปัจจุบันภาษี AD กุ้งไทยอยูที่ 0.81% รวมภาษีตอบโต้ 19% เป็น 19.81% ซึ่งมีทางเลือกหากประเทศไทยทำความตกลงกับฝ่ายผู้ฟ้อง โดยยื่นเรื่องทำ CCR : Changed Circumstance Review เพื่อยุติ AD กุ้งอย่างถาวร แต่ต้องจ่ายเงินประมาณ 10-12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 350 - 420 ล้านบาท) จะทำให้ภาษี AD กุ้งไทยเป็น 0% ซึ่งต้องรอดูว่าผลการทบทวนภาษี AD กุ้งไทยจะปรับเพิ่มหรือลดลงจาก 0.81% หรือไม่
ด้านการนำเข้าสินค้าประมงของไทยจากสหรัฐ ได้แก่ ปลาแซลมอน เนื้อปลาอลาสพอลลัค และปลาทูน่าสด แช่เย็นแช่แข็ง ทั้งนี้สินค้าประมงที่นำเข้าส่วนใหญ่มีอัตราภาษีระหว่าง 0-5% เท่านั้น โดยปลาแซลมอนแช่เย็นแช่แข็งภาษีนำเข้าเป็น 0% แล้ว เหลือเพียงเนื้อปลาแซลมอนที่ภาษีนำเข้าเป็น 5% แต่การนำเข้าแซลมอนส่วนใหญ่นำเข้าจากนอร์เวย์ ชิลี สหรัฐ (อันดับที่ 3) ส่วนการนำเข้าทูน่าของไทยจากสหรัฐมีสัดส่วนเพียง 0.33% การลดภาษีนำเข้าสินค้าประมงให้สหรัฐเป็น 0% จึงคาดว่าสินค้าประมงสหรัฐจะไม่ทะลักเข้าไทย เนื่องจาก ไทยไม่ได้นำสินค้าจากสหรัฐ เป็นหลัก
อนึ่ง การค้าสินค้าสินค้าประมงของไทย 6 เดือน (ม.ค.- มิ.ย.) ปี 2568 มีมูลค่ารวม 187,224.71 ล้านบาท ลดลง 0.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 109,555.39 ล้านบาท นำเข้า 77,669.31 ล้านบาท ไทยยังเกินดุลการค้าสินค้าประมง 31,886.08 ล้านบาท
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,125 วันที่ 24 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568