เอกชน ชี้ ทุกฝ่ายต้องปรับตัว เน้นเพิ่มขีดความสามารถ รับมือภาษีทรัมป์
เอกชน ชี้ ทุกฝ่ายต้องปรับตัว เน้นเพิ่มขีดความสามารถ รับมือภาษีทรัมป์
นายวิศิษฏ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต เปิดเผย ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศใช้อัตราภาษี “ทรัมป์” อย่างเป็นทางการสำหรับประเทศไทยที่ 19% ว่า ภาพรวมล่าสุดผู้ประกอบการไทยเริ่มชะลอคำสั่งซื้อและชะลอการส่งมอบสินค้าจากไทยแล้วบ้าง โดยเฉพาะหลังวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการจัดเก็บภาษี 19% อย่างเป็นทางการ จากเดิมที่เคยจัดเก็บในอัตรา 10%
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ คึกคักเป็นพิเศษเพื่อตุนสต๊อกก่อนการประกาศขึ้นภาษีทรีมป์อย่างเป็นทางการ ก่อนจะแผ่วลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาสที่ 2 แต่สินค้าจำเป็นที่ไม่สามารถหาทดแทนได้ หรือสินค้าที่เป็นแบรนด์ไทยที่ชาวอเมริกันคุ้นเคย รวมถึงอาหารสำเร็จรูปของไทยแท้ ๆ เช่น กะทิ ยังคงส่งออกได้อย่างต่อเนื่องและไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ตนคาดว่าสถานการณ์การชะลอตัวของการส่งออกจะดำเนินไปอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ได้ใช้สต๊อกสินค้าที่ตุนไว้ตั้งแต่ต้นปีจนหมด จึงจะเริ่มสั่งซื้อใหม่ และ ตนมั่นใจว่าภายหลังจากนี้ทุกฝ่ายจะต้องเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน และเนื่องจากการสต๊อกสินค้าจำนวนมากต้องใช้เงินทุนสูง ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องรอให้เงินทุนหมุนเวียนกลับมาก่อน ถึงจะมีการเริ่มสั่งใหม่ ทั้งนี้ ภาคเอกชนไทยยังคงมีความหวังว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาล การส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ในประเด็นการนำเข้าหมู 1% ซึ่งเริ่มมีการถกเถียงกันในขณะนี้ ตนให้ความเห็นว่า ภาครัฐควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที โดยเท่าที่ติดตามข่าว คาดว่าน่าจะอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งในระหว่างนี้สถานการณ์ต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นอัตราภาษี 19% ที่อาจมีการปรับขึ้นหรือลง รวมถึงข้อตกลงเรื่องการนำเข้าหมูที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะมีเรื่องนี้หรือไม่ ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ตนเน้นย้ำว่าภาครัฐต้องจริงจังกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการมากขึ้น โดยมองว่ายุคนี้ เป็นยุคที่ทุกประเทศต้องแข่งขันกันในฐานะที่เท่าเทียมกัน โดยแนวทางที่เสนอแนะคือ ภาครัฐต้องเร่งลดต้นทุนที่เกิดจากภาครัฐให้ได้มากที่สุด เช่น การยกเลิกค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น และปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมดเพื่อลดขั้นตอนและค่าใช้จ่าย โดยยกตัวอย่างกระบวนการส่งออกที่ต้องติดต่อถึง 38 หน่วยงาน ซึ่งสามารถลดต้นทุนได้มหาศาลหากมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบออนไลน์ ส่วนภาคเอกชนเองก็ต้องเร่งปรับตัว โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, พัฒนาทักษะของแรงงาน (Upskill) และนำเครื่องจักรมาใช้แทนแรงงานในส่วนที่ทำได้ เพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ 1.1 แสนล้านบาทสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเงินส่วนที่เหลืออีก 4.5 แสนล้านบาทสำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี หรือ แม้กระทั่งการตั้งศูนย์โอเอสเอสของกระทรวงพาณิชย์ ตนมองว่า ควรเปลี่ยนชื่อเรียกจากคำว่า “เยียวยา” เป็นการ “เพิ่มขีดความสามารถ” มากกว่า เนื่องจากแนวคิดการเยียวยาคือการให้เงินไปเปล่า ๆ ซึ่งเงินจะหมดไปแต่ความสามารถของผู้ประกอบการยังคงเท่าเดิม สุดท้ายก็ไม่รอด
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า การจะตั้งศูนย์ช่วยเหลือ หรือ การเยียวยา ควรมุ่งเน้นเพิ่มไปที่การทำให้ผู้ประกอบการเก่งขึ้น มีไอเดียต่อยอดมากขึ้น หรือกล้าที่จะลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า สำหรับความกังวลในช่วงปลายปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับทั้งภาษีทรัมป์และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนนี้ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันประคับประคองอย่างเต็มที่ เนื่องจากปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบให้ทั้งยอดส่งออกไปกัมพูชาและการท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวบางส่วนกังวลเรื่องความปลอดภัย ภาครัฐจึงต้องเร่งสื่อสารและพยายามดึงนักท่องเที่ยวกลับมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ให้ได้มากที่สุด และคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี การท่องเที่ยวจะกลับมาดีขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ส่วนการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจของ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มีช่วงห่างอยู่ที่ 1.8-2.2% ตนมองว่า ก็มีโอกาสเป็นไปได้ถึง 2.2% หากภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ และทุกฝ่ายหันมามองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การปรับตัวของทุกภาคส่วนอย่างรวดเร็วและจริงจังดูจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ไปได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เอกชน ชี้ ทุกฝ่ายต้องปรับตัว เน้นเพิ่มขีดความสามารถ รับมือภาษีทรัมป์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th