ประวัติศาสตร์ Stand-up Comedy ต้นกำเนิด ศิลปะที่เรียบง่าย เสียดสีสังคม แต่ทรงพลัง
ลองจินตนาการดูว่า นักแสดงเพียงคนเดียวกับไมโครโฟนหนึ่งตัว สามารถตรึงผู้ชมให้จมอยู่กับเสียงหัวเราะ ข้อคิด หรือแม้กระทั่งความอึดอัดใจได้ในเวลาเดียวกัน แต่กว่าจะมาเป็นความบันเทิงระดับโลกที่เข้าถึงได้ผ่านปลายนิ้วในปัจจุบัน ศิลปะแขนงเดินทางกาลเวลาและประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
จุดกำเนิด Stand-up Comedy มาจากไหน
หากจะสืบย้อนไปถึงจุดกำเนิดที่แท้จริง เราอาจต้องมองไปไกลถึงยุคโบราณ ตั้งแต่ นักเล่าเรื่อง (Oral Storyteller) ที่ใช้เรื่องขบขันเพื่อสร้างความบันเทิงในชุมชน ไปจนถึง ตัวตลกในราชสำนัก (Jesters) ของยุโรปยุคกลาง ผู้มีสิทธิพิเศษในการวิจารณ์ผู้มีอำนาจผ่านมุกตลกเสียดสี
แต่ รูปแบบของ Stand-up Comedy สมัยใหม่ที่เราคุ้นเคยกันนั้น ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในสหรัฐฯช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ผ่านการหลอมรวมของวัฒนธรรมการแสดงหลายสาขา
การบรรยายเชิงขบขัน:
บุคคลสำคัญอย่าง มาร์ก ทเวน (Mark Twain) นักเขียนชื่อดัง ไม่เพียงแต่เขียนหนังสือเท่านั้น แต่ยังออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อบรรยายและอ่านผลงานของตนเองในลีลาที่สนุกสนานและเสียดสีสังคม การยืนพูดคนเดียวบนเวทีของเขาจึงเปรียบเสมือนพิมพ์เขียวแรกๆ ของการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน
วอดวิลล์ (Vaudeville):
ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 โรงละครวอดวิลล์คือศูนย์รวมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ดนตรี มายากล ไปจนถึงการแสดงตลก แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงเป็นคู่หรือเป็นคณะ แต่พิธีกรของรายการที่ต้องพูดคุยกับผู้ชมโดยตรงเพื่อคั่นเวลา ได้เปิดโอกาสให้ศิลปินอย่าง แฟรงก์ เฟย์ (Frank Fay) พัฒนาสไตล์การพูดคุยกับผู้ชมอย่างเป็นกันเอง จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสแตนด์อัพคอมเมเดี้ยนยุคบุกเบิก
จากไนต์คลับสู่จอโทรทัศน์ ;
เมื่อยุคสมัยของวอดวิลล์เริ่มเสื่อมลงในช่วงทศวรรษ 1920-1930 เนื่องจากการมาถึงของวิทยุและภาพยนตร์ ดาวตลกหลายๆคนปรับตัวและย้ายเวทีการแสดงของตนไปสู่พื้นที่ที่ใกล้ชิดกับผู้ชมมากขึ้นอย่าง ไนต์คลับและบาร์
บรรยากาศที่เป็นกันเองนี้เองที่ปฏิวัติวงการ Stand-up Comedy นักแสดงเริ่มละทิ้งมุกตลกสั้นๆ แบบดั้งเดิม หันมาเล่าเรื่องราวส่วนตัว ข้อสังเกตในชีวิตประจำวัน และวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น
การมาถึงของ โทรทัศน์ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ได้นำ Stand-up Comedy เข้าสู่บ้านของผู้คนนับล้าน รายการอย่าง "The Ed Sullivan Show" ได้สร้างดาวตลกให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก่อนที่ในยุค 60-70 ศิลปินอย่าง เลนนี บรูซ (Lenny Bruce) และ จอร์จ คาร์ลิน (George Carlin) จะผลักดันขอบเขตของศิลปะแขนงนี้ไปอีกขั้น ด้วยการใช้เวทีเป็นเครื่องมือในการตั้งคำถามต่อสังคม การเมือง และศาสนาอย่างไม่เกรงกลัว
ยืนเดี่ยวไมโครโฟน ฉากจำในโลกภาพยนตร์
พลังของ Stand-up Comedy ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างเสียงหัวเราะ แต่ยังสามารถสะท้อนความเจ็บปวดและความเปราะบางของมนุษย์ได้อย่างทรงพลัง ฉากที่ อาร์เธอร์ เฟล็ก (วาคีน ฟีนิกซ์) ขึ้นแสดงสแตนด์อัพครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Joker (2019) ได้กลายเป็นภาพจำที่สำคัญ จนสุดท้ายในปีนั้นเขาได้ออสการ์ นำชายยอดเยี่ยมไปด้วย
ฉากดังกล่าวเต็มไปด้วยความอึดอัดและน่าสมเพช อาร์เธอร์ พยายามเล่ามุกที่เตรียมมา แต่กลับควบคุมอาการหัวเราะที่ผิดปกติของตนเองไม่ได้ ทำให้ผู้ชมเงียบกริบและสับสน ฉากนี้ไม่ได้ตลกเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่แตกสลายและความพยายามที่ล้มเหลวในการเป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้เขาดำดิ่งสู่ความบ้าคลั่งและกลายเป็น "โจ๊กเกอร์" ในที่สุด
Stand-up Comedy กับประเทศไทยในเวลานี้
สำหรับประเทศไทย Stand-up Comedy หรือเดี่ยวไมโครโฟน อาจไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคยนักในอดีต แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อชายที่ชื่อ โน้ต-อุดม แต้พานิช ได้สร้างปรากฏการณ์ "เดี่ยวไมโครโฟน" ขึ้นในปี 1995 เขาได้นำศิลปะการเล่าเรื่องคนเดียวบนเวทีมาปรับให้เข้ากับบริบทและอารมณ์ขันของคนไทย จนกลายเป็นสัญลักษณ์และผู้บุกเบิกของวงการนี้อย่างไม่มีใครปฏิเสธได้
ปัจจุบัน Stand-up Comedy ในไทยได้เติบโตและขยายวงกว้างออกไปอย่างมาก การมาถึงของโลกออนไลน์และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ YouTube ได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงการแสดงทั้งของไทยและต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็มีเวทีและคอมเมเดี้ยนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อพิสูจน์ฝีปากและสร้างเสียงหัวเราะในสไตล์ของตนเอง
รูปแบบการเสพความบันเทิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ผู้ชมจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะ "ฟัง" การแสดงในรูปแบบ Podcast ขณะทำกิจกรรมอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าหัวใจของ Stand-up Comedy นั้นอยู่ที่ "การเล่าเรื่อง" ที่ทรงพลังและสามารถเชื่อมโยงกับผู้คนได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะผ่านจอโทรทัศน์ เวทีเล็กๆ ในบาร์ หรือแม้กระทั่งผ่านหูฟังในวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง
ความต้องการที่จะหัวเราะให้กับความไร้สาระของชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่เราทุกคนมีร่วมกัน และตราบใดที่โลกยังคงวุ่นวาย เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เราจะยังคงต้องการใครสักคนมายืนอยู่บนเวทีพร้อมไมโครโฟน เพื่อบอกเล่าความจริงที่เจ็บปวดแต่ก็อดขำไม่ได้อยู่เสมอ
ที่มา :britannicaHistory_of_stand-up_comedycomedycarnival
ข่าวที่เกี่ยวข้อง