โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

7 เรื่องควรรู้ในคดีมาตรา 112 ของทักษิณ ชินวัตร

iLaw

อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • iLaw

ศาลอาญาจะมีคำพิพากษาคดีมาตรา 112 ของทักษิณ ชินวัตรในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 จากการให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Chosun Media ของเกาหลีใต้เมื่อ 20 พฤษภาคม 2558 เกี่ยวกับการรัฐประหารของคสช.ปี 2557 โดยมีสามคำใจความสำคัญของคดีนี้ คือ “เขา” “Palace circle” และ “ปฏิวัติ” [หมายถึงการรัฐประหาร] ซึ่งในคำฟ้องอัยการตีความว่าสื่อถึงรัชกาลที่ 9 และการที่ทหารได้รับคำสั่งจากในวังในการทำรัฐประหาร คดีนี้มีผู้กล่าวหาคือ พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งเขาให้การในศาลว่าเป็นแรงกดดันจากฝ่ายทหารและระบุต่อสื่อมวลชนในปี 2567 ทำนองว่า ที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

คดีนี้ไม่ใช่คดีมาตรา 112 คดีแรกของทักษิณ เนื่องจากเคยมีการพยายามดำเนินคดีอีกอย่างน้อยห้าคดีในช่วงปี 2549-2554 ระหว่างช่วงความตึงเครียดทางการเมือง แต่คดีเหล่านั้นไม่ได้มีการดำเนินการต่อหลังทักษิณเดินทางกลับประเทศในปี 2566 นอกเหนือจากคดีมาตรา 112 แล้ว ทักษิณยังมี “คดีชั้น 14” ที่รอคำสั่งศาลฎีกาในวันที่ 9 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นคดีที่ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวนการบังคับโทษจำคุกของทักษิณว่าเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ เนื่องจากทักษิณได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจหลังเข้าเรือนจำเมื่อ 22 สิงหาคม 2566

ชวนอ่านเรื่องควรรู้และประเด็นรายล้อมคดีมาตรา 112 ของทักษิณ ชินวัตร

1.สามคำใจความคดีม. 112: “เขา” “Palace circle” และ “ปฏิวัติ”

คดีมาตรา 112 ของทักษิณ ชินวัตรที่ศาลอาญาจะมีคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เป็นกรณีให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Chosun Media ของเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2558 เกี่ยวกับการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.ในปี 2557 ระบุว่า

คือประเทศไทยนี่ตราบใดที่เขาปล่อยให้ทำงาน ก็ยังมีอำนาจ แต่ถ้าไม่ปล่อยให้ทำงานก็ไม่มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกองคมนตรีทั้งหลายก็เที่ยวนี้ก็ แล้วก็ทหารก็จะฟังทางองคมนตรี

เพราะตอนที่เขาไม่ต้องการให้เราอยู่ เขาก็ให้สุเทพออกมา และมีทหารเข้ามาช่วย และก็มีพวกบางคนมาจากในวังมาช่วย ซึ่งก็เป็น palace circle ก็เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร ผมก็เลยคุยกับนายกปูฯว่า เหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา ทหารเขาอาจจะชื่นชอบประชาธิปไตยแบบพม่า ที่พม่าเลิกแล้ว แต่เขาชอบอย่างนั้นไง เราไม่รู้

ผมก็ยังตำหนิเค้าไป เขาก็ยังอายุน้อยเค้าคงโกรธ ที่ปฏิวัติแบบนี้ เค้าก็คงโกรธว่าประเทศไทยมาดีๆ แล้ว แต่เค้าคงคงโกรธนะเราเป็นครอบครัวสาธารณะจะพูดอะไรต้องระมัดระวัง”

อัยการบรรยายฟ้องทำนองว่า เนื้อหาสัมภาษณ์ของทักษิณนั้น เข้าใจว่าสื่อถึงรัชกาลที่ 9 และ เข้าใจว่าการยึดอำนาจ รัฐประหารเป็นเรื่องที่ทหารได้รับคำสั่งมาจากในวัง พระมหากษัตริย์ออกมาช่วยในการทำรัฐประหารและอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร

2.ว่าด้วยแรงกดดันจากฝ่ายทหารให้ปอท.ดำเนินคดี

ในทางสำนวนพ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นผู้กล่าวหา อย่างไรก็ตามในชั้นสืบพยานตำรวจนายดังกล่าวให้การทำนองว่า เป็นแรงกดดันมาจากจากฝ่ายทหาร ในปี 2567 หลังคดีมาตรา 112 ของทักษิณกลับมาดำเนินต่อ พ.ต.อ.โอฬารส่งข้อความผ่านกลุ่มนักข่าวระบุทำนองว่า ที่ผ่านมาเขาดำเนินการตามคำสั่งของพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาผ่านคณะกรรมการที่มีแม่ทัพฝ่ายทหารหลายคน

ทั้งนี้พ.ต.อ.โอฬาร เป็นผู้มีประวัติในการเป็นผู้กล่าวหาคดีมาตรา 112 และคดีการเมืองอื่นๆ เช่น

คดีมาตรา 112 ของอัญชัญ : 25 มกราคม 2558 อัญชัญถูกทหารพร้อมอาวุธเข้าจับกุมที่บ้านพัก จากการนำคลิปเสียงของ “บรรพต” เข้าสู่เว็บไซต์ยูทูบรวมทั้งหมด 29 ครั้ง ต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2564ศาลอาญาลงโทษจำคุกการกระทำกรรมละ 3 ปี รวม 29 กรรม จำคุก 87 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งลงโทษจำคุกกรรมละหนึ่งปี หกเดือน คงจำคุก 29 ปี 174 เดือน เป็นคดีมาตรา 112 ที่วางโทษสูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกได้

คดีมาตรา 112 ของพัฒน์นรี : 6 พฤษภาคม 2559 ศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับพัฒน์นรี แม่ของนิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมทางการเมือง ในคดีมาตรา 112 จากนั้นเธอจึงเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนในวันเดียวกัน หลังตำรวจทุ่งสองห้องสอบสวนสองวัน วันที่ 8 พฤษภาคม 2559 จึงนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ ท้ายสุดศาลให้ประกันตัว มูลเหตุคดีนี้คือ การที่พัฒน์นรีตอบแชทเฟซบุ๊กบุรินทร์เพื่อนของลูกชายว่า จ้า โดยบทสนทนาของบุรินทร์เป็นทำนองความเดือดร้อนของประชาชนและการสืบสันตติวงศ์ ท้ายสุดในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ศาลอาญายกฟ้องระบุว่า ข้อความที่พัฒน์นรีพิมพ์เป็นข้อความทั่วไปและคำว่า “จ้า” แสดงความต้องการตัดบท ไม่ได้สื่อความหมายถึงการเห็นด้วยใดๆ

ในตอนที่จับกุมพัฒน์นรี พ.ต.อ.โอฬารเคยออกมาแถลงข่าวตอบโต้กระแสบนโลกออนไลน์ว่า คดีนี้ไม่ใช่คำว่า “จ้า” คำเดียวแต่ยังมีพฤติการณ์อื่นๆประกอบด้วย พร้อมทั้งขู่ด้วยว่า หากใครเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจถูกดำเนินคดีต่างหาก

คดีมาตรา 112 ของพอร์ท ไฟเย็น : 5 มีนาคม 2564 ปริญญา ชีวินกุลปฐมหรือพอร์ท ไฟเย็นถูกจับกุมที่บ้านพัก จากการโพสต์เฟซบุ๊กสามข้อความระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2559 โดยวันที่ 23 มกราคม 2568 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโทษจำคุกหกปีตามศาลชั้นต้น

3.การใช้ศาลทหารพิจารณาคดีระหว่างเกิดเหตุคดีม.112 ของทักษิณ

30 พฤษภาคม 2557 หลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ออกประกาศคสช.ที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร โดยกำหนดให้ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตั้งแต่มาตรา 107-112 ความผิดต่อความมั่นคงของรับภายในราชอาณาจักรตั้งแต่มาตรา 113-118 และความผิดตามประกาศหรือคำสั่งคสช. ต้องพิจารณาในศาลทหาร การกระทำของทักษิณเกิดขึ้นระหว่างประกาศคสช.ที่ 37/2557 ใช้บังคับ หากทักษิณอยู่ในประเทศไทยในเวลาดังกล่าวคดีของเขาจะต้องพิจารณาในศาลทหาร

อย่างไรก็ตามในวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 9/2562 เรื่องการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งขาติ คำสั่งสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บางฉบับที่หมดความจำเป็น ใจความสำคัญคือ การโอนคดีพลเรือนในศาลทหารไปที่ศาลยุติธรรม เป็นเหตุให้บรรดาคดีที่ต้องขึ้นศาลทหารตามประกาศคสช.ที่ 37/2557 เช่น คดีมาตรา 112 มาตรา 116 และความผิดตามประกาศ คำสั่งคสช.ถูกโอนย้ายไปที่ศาลยุติธรรมตามเขตอำนาจของศาลในคดีนั้นๆ จึงเป็นเหตุให้หลังคดีมาตรา 112 ที่กลับมาดำเนินกระบวนการอีกครั้งในปี2567 ถูกพิจารณาในศาลอาญา

การคุมขังระหว่างการพิจารณาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับจำเลยคดีความมั่นคงในช่วงการรัฐประหาร ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่รัฐประหารจนถึงเดือนพฤษภาคม 2558 ที่เกิดเหตุแห่งคดีนี้ มีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับประชาชนด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างน้อย 46 คน ในจำนวนดังกล่าวมีคนที่ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีอย่างน้อย 24 คน

หนึ่งในจำเลยคดีมาตรา 112 และไม่ได้รับการประกันตัวช่วงเวลาดังกล่าวคือ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีตส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีความใกล้ชิดกับทักษิณ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ถูกดำเนินคดีจากกรณีที่เขากล่าวปราศรัยและแสดงท่าทางประกอบในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 หลังการรัฐประหารเขาถูกเรียกรายงานตัวและถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีในศาลอาญาและถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีเรื่อยมา เริ่มแรกเขาให้การปฏิเสธ แต่เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพในวันที่ 27 ตุลาคม 2557 หลังถูกยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอย่างน้อยสามครั้ง ศาลอาญาพิพากษาจำคุกเป็นเวลาห้าปี ก่อนได้รับการลดโทษเหลือสองปีหกเดือนเพราะรับสารภาพ

นอกจาก จ.ส.ต.ประสิทธิ์แล้ว จาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นอีกคนที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ในศาลทหารกรุงเทพ จากกรณีที่เขาปฏิเสธไม่เข้ารายงานตามตามคำสั่งของคสช.แต่กลับไปจัดแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) แทนจนถูกทหารควบคุมตัวจากสถานที่แถลงข่าวในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 เขาถูกกล่าวหาในฐานความผิดฝ่าฝืนคำสั่งรายงานตัวของคสช. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพก่อนได้รับการประกันตัวในวันที่ 6 มิถุนายน 2557

ศาลทหารกรุงเทพพิจารณาคดีมาตรา 116 ของจาตุรนต์อย่างช้าๆ และด้วยผลของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 9/2562 ทำให้คดีของเขาถูกโอนมาที่ศาลอาญาและมีคำพิพากษายกฟ้องเขาในเดือนธันวาคม 2563

4.การสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับของศาลอาญา

สำหรับคดีนี้ศาลอาญาสั่งพิจารณาเป็นการลับ หลักการ "การพิจารณาคดีโดยเปิดเผย" (Public Trial) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม (Right to Fair Trial) โดยแม้กฎหมายไทยและสากลจะรับรองหลักการนี้เพื่อสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบการใช้อำนาจของตุลาการ รวมถึงปกป้องจำเลยจากการใช้อำนาจโดยมิชอบ การสั่งพิจารณาลับในคดีมาตรา 112 มักถูกวิจารณ์ว่าเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนในการรับรู้และตรวจสอบกระบวนการยุติธรรม โดยศาลมักอธิบายว่า ข้อความที่ถูกนำมาฟ้องถ้าหากถูกเผยแพร่ออกไปอาจก่อให้เกิดความเสียหาย จึงสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับ โดยเฉพาะในช่วงปี 2557-2558 ที่คดีของพลเรือนต้องขึ้นศาลทหารเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ศาลสั่งให้พิจารณาคดีเป็นการลับ แม้จำเลยจะไม่ได้ต่อสู้คดีในเนื้อหาของข้อความเลยก็ตาม

กรณีของทักษิณเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของคำสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับในยุคหลังการรัฐประหาร ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า มีอีกอย่างน้อยหกคดีที่ศาลสั่งพิจารณาเป็นการลับ ดังนี้

นอกจากคำสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับแล้วในเดือนมีนาคม 2568 ยังมีแนวโน้มใหม่คือ ศาลอาญาออกคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาคดีห้ามมิให้บุคคลใดนำเหตุการณ์ในห้องพิจารณาคดีและในศาลอาญาถ่ายทอดเผยแพร่สู่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นคดีมาตรา 112 และ 116 รวมหกคดี และคดีละเมิดอำนาจศาลอีกหนึ่งคดี เช่น นัดฟังคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลของอานนท์ นำภา กรณีจำเลยถอดเสื้อประท้วงที่ศาลไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญในคดีมาตรา 112 #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์1

5.ท่าทีนักการเมืองหรือผู้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยต่อมาตรา 112

ระหว่างปี 2548 - 2564 ประเทศมีการชุมนุมขนาดใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในช่วงปี 2548-2549 จบลงด้วยการรัฐประหาร 2549 การชุมนุมกลับมาอีกครั้งในช่วงปี 2551 เพื่อขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชน หลังจากนั้นในปี 2552-2553 มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งจบลงด้วยการใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุม ก่อนที่จะมีการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโดยกลุ่มกปปส.ในปี 2556 ที่จบลงด้วยการรัฐประหารของพล.อ.ประยุทธ์ในปี 2557 ที่มีการปราบปรามการแสดงออกของประชาชนอย่างรุนแรง แต่ท้ายที่สุดก็เกิดการชุมนุมขนาดใหญ่ทั่วประเทศในปี 2563

ตลอดช่วงเวลาข้างต้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คือหนึ่งในเครื่องมือที่ผู้มีอำนาจรัฐมักหยิบมาใช้จัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมืองอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ ในฐานะพรรคการเมืองใหญ่ที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรและเป็นที่รองรับอดีตนักการเมืองของพรรคพลังประชาชนที่ถูกยุบมาตั้งแต่2551 พรรคเพื่อไทยจึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา 112 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกตั้งคำถามจากสังคม หรือถูกประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียกร้องให้แก้ปัญหาการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สำหรับการแสดงท่าทีของพรรคเพื่อไทยหรือผู้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยซึ่งรวมถึงตัวของทักษิณเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ครั้งสำคัญมีดังนี้

11 ตุลาคม 2555 หลังภาคประชาชนในนาม คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 142 (4) ประกอบมาตรา 163 รวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 26,968 รายชื่อ เสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อสภาผู้แทนราษฎร สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ใช่กฎหมายที่อยู่ในหมวดสาม ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และหมวดห้า ว่าด้วยแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ จึงไม่ใช่กฎหมายที่ประชาชนจะมีสิทธิเข้าชื่อเสนอได้ การวินิจฉัยของสมศักดิ์ในครั้งนั้นทำให้ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของภาคประชาชนไม่มีโอกาสถูกบรรจุวาระเข้าไปสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

31 ตุลาคม 2564 วันเดียวกับที่ภาคประชาชนในนามคณะราษฎรยกเลิก112 (ครย.112) จัดการชุมนุมราษฎรประสงค์ยกเลิก 112 เพื่อริเริ่มการรวบรวมรายชื่อเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พรรคออกแถลงการณ์ที่ลงนามโดย ชัยเกษม นิติสิริ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย โดยมีสาระสำคัญว่า การใช้กฎหมายอาญา เช่น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 116 หรือการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯดำเนินคดีกับประชาชนเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมือง สร้างผลกระทบให้กับประชาชน เมื่อภาคประชาชนเสนอร่างแก้ไขข้อกฎหมายดังกล่าว พรรคเพื่อไทยก็พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภาเพื่อตรวจสอบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่ไม่เป็นธรรมเพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว

2 พฤศจิกายน 2564 สองวันหลังมีแถลงการของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยสรุปได้ว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีมานานแล้ว ตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา แต่เป็นปัญหาที่การบังคับใช้เพราะคนในกระบวนการยุติธรรมกลัวหรืออยากแสดงความจงรักภักดีโดยไม่ยึดหลักนิติธรรม ทักษิณย้ำด้วยว่าก่อนจะถกเถียงว่าจะแก้ไขกฎหมายหรือไม่ ขอให้เริ่มคิดย้อนไปว่าตัวกฎหมายไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือคนในกระบวนการยุติธรรม

9 พฤศจิกายน 2564 ทักษิณกล่าวในรายการ CARE Talk ตอนหนึ่งซึ่งพอสรุปได้ว่า ในอดีตมาตรา 112 ไม่เคยมีปัญหา แต่ในขณะนั้นมีปัญหาเพราะการบริหารจัดการ และการขาดความเข้าใจเรื่องเสรีภาพในการพูด การที่พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องดังหกล่าวไปพูดคุยในสภาเพื่อหาทางออกถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องการให้สิทธิประกันตัวและทำให้โทษไม่สูงจนเกินไป

1 กุมภาพันธ์ 2566 ระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรหารือญัตติด่วนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นักกิจกรรมทางการเมืองสามคนคือตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แบม-อรวรณ ภู่พงษ์ และ แท็ค สิทธิโชค เศรษฐเสวก กำลังอดอาหารระหว่างถูกคุมขังด้วยมาตรา 112 ในเรือนจำ โดยที่ทั้งสามประกาศหนึ่งในสามข้อเรียกร้องว่า ให้พรรคการเมืองทุกพรรคเสนอนโยบาย เพื่อประกันสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยยกเลิกมาตรา 112 และ 116

วันดังกล่าวส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนได้ร่วมอภิปรายประเด็นนี้ด้วย เช่น สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม อภิปรายตอนหนึ่งว่า เรื่องมาตรา 112 และ 116 เป็นข้อเรียกร้องที่มีเหตุผล อะไรทำได้ อะไรต้องใช้เวลาเราก็อธิบายออกไป ขณะที่ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้นอภิปรายตอนหนึ่งว่า การแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องของอนาคต แม้จะประกาศเป็นนโยบายแต่ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลก็คงทำอะไรไม่ได้ ชลน่านอภิปรายด้วยว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน มีความเห็นต่างที่สุดขั้ว การที่จะรับว่าเป็นนโยบายจะต้องขจัดความเห็นต่างและเกิดความเห็นร่วมก่อนเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น

13 มีนาคม 2566 พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างเวทีมติชนย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง 66 ตอนหนึ่งว่า เห็นด้วยที่จะต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศ แต่เมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนไปก็อาจมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องมากขึ้นซึ่งในกระบวนการปรับแก้อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งสามารถใช้กระบวนการทางสภาซึ่งเป็นกระบวนการสันติวิธีในการหารือ

3 เมษายน 2566 แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทย กล่าวในเวทีเลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอนหนึ่งว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ยกเลิกมาตรา 112 แต่จะต้องมีการหารือในสภาว่า จะกำหนดขอบเขตผู้ฟ้องหรือบทลงโทษอย่างไรไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

6 เมษายน 2566 เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่งกล่าวในรายการเปิดปากกับภาคภูมิตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนชัดเจนคือไม่ยกเลิกมาตรา 112 แต่ต้องไปดูว่าตรงไหนที่แก้แล้วจะเกิดความเป็นธรรม ไม่ให้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

24 ตุลาคม 2567 ชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์กับกรุงเทพธุรกิจหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรรับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้แก้ไข มาตรา 112 ส่วนผู้นำทางการเมืองคนใดจะไปสัมภาษณ์อะไรก็เป็นความเห็นของคนนั้น ชูศักดิ์ระบุถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองและภาคประชาชนยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมต่อสภารวมสี่ร่างด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นร่างของพรรค และจะนำไปเสนอต่อสภาในวาระการประชุมที่จะเปิดในเดือนธันวาคม 2567 โดยร่างของพรรคเพื่อไทยจะไม่รวมการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และ 112 อย่างไรก็ตามเมื่อมีการพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในเดือนกรกฎาคม 2568 ไม่ปรากฎว่าพรรคเพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของตัวเองต่อสภาแต่อย่างใด

6.คดีมาตรา 112 ห้าคดีก่อนหน้าที่ทักษิณเคยเผชิญ

นอกจากคดีที่ศาลอาญาจะมีคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ยังเคยมีความพยายามดำเนินคดีกับทักษิณด้วยมาตรา 112 อีกอย่างน้อยห้าคดี

คดีที่หนึ่ง สุรศักดิ์ ยิ้มอินทร์ ประชาชนทั่วไป เป็นผู้ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลโดยตรงในปี 2549 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.4153/2549 ไม่มีรายละเอียดว่าคดีนี้การกระทำที่เป็นมูลเหตุแห่งคดีคืออะไร มีเพียงรายละเอียดว่ามีอาญามีคำสั่งให้ยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าคดีมาตรา 112 เป็นคดีที่ไม่มีประชาชนคนใดได้รับความเสียหายเป็นการเฉพาะตัว หากประชาชนทั่วไปต้องการจะดำเนินคดีต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนและส่งฟ้องคดีตามลำดับ จากการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าในปี 2551 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีที่ สุรศักดิ์ ยิ้มอินทร์ เป็นโจทก์ฟ้องทักษิณในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อศาล ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องเพราะโจทก์เป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอำนาจยื่นฟ้องคดีมาตรา 112 โดยตรงต่อศาล

แม้ผู้ฟ้องคดีจะเป็นชื่อบุคคลเดียวกัน แต่เนื่องจากในรายละเอียดข่าวของผู้จัดการออนไลน์ไม่ได้ให้หมายเลขคดีไว้ จึงไม่สามารถยืนยันว่าคดีที่สุรศักดิ์ฟ้องทักษิณต่อศาลอุทธรณ์ เป็นคดีเดียวกับที่เขายื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นตามที่ไอลอว์บันทึกข้อมูลไว้หรือไม่

คดีที่สอง เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 101/53 ซึ่งดำเนินการสอบสวนกรณีที่ทักษิณกับพวกร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยไม่มีข้อมูลในรายละเอียดว่าเป็นการกระทำในลักษณะใดหรือมีบุคคลใดร่วมกระทำการบ้าง และไม่สามารถสืบค้นสถานะล่าสุดของคดีนี้ได้

คดีที่สาม เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 118/53 ซึ่งดำเนินการสอบสวนกรณีที่ทักษิณถูกกล่าวหาว่าให้สัมภาษณ์นิตยสารในลักษณะที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ไม่สามารถสืบค้นรายละเอียดได้ว่าไปนิตยสารใด เป็นการให้สัมภาษณ์ในวันหรือเวลาใด และข้อความที่เป็นเหตุกล่าวว่าอย่างไร รวมถึงคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปถึงขั้นตอนไหน

คดีที่สี่ เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 43/54 ซึ่งดำเนินการสอบสวนกรณีที่ทักษิณถูกกล่าวหาว่าแจกแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ต่อสื่อต่างประเทศ นอกจากข้อมูลข้างต้นไม่สามารถสืบค้นข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับสถานะล่าสุดของคดีนี้ได้

คดีที่ห้า เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 44/54 ซึ่งดำเนินการสอบสวนกรณีที่ทักษิณถูกกล่าวหาว่าวิดีโอลิงก์เข้ามาที่การชุมนุมของนปช.ที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ โดยที่ในตอนหนึ่งของการพูดมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตามไม่มีข้อมูลว่าท้ายที่สุดคดีนี้มีการดำเนินการไปถึงขั้นตอนใด

หากพิจารณาในภาพรวม คดีมาตรา 112 ของทักษิณทั้งห้าคดีข้างต้นล้วนเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความตึงเครียด คดีที่หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2551 เป็นปีที่มีกระแสต่อต้านรัฐบาลของอดีตพรรคพลังประชาชนซึ่งมีความใกล้ชิดกับทักษิณและมีการชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่รัฐบาลของพรรคพลังประชาชน ซึ่งในการชุมนุมดังกล่าวก็มักจะมีการปราศรัยโจมตีทักษิณด้วย

ขณะที่คดีที่สองถึงคดีที่ห้า เกิดขึ้นในช่วงปี 2553 ถึง 2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงและติดตามดำเนินคดีกับแกนนำรวมถึงผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินหรือศอฉ.ที่ตั้งขึ้นหลังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี2553 เคยเผยแพร่ "ผังล้มเจ้า" แผนผังแสดงความเชื่อมโยงของบุคคลต่างๆที่ทางศอฉ.เห็นว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีชื่อของทักษิณปรากฎอยู่ด้วย ผังล้มเจ้ากลายเป็นหนึ่งในมูลเหตุที่ศอฉ.นำมาใช้โจมตีทักษิณหรือคนเสื้อแดงก่อนจะดำเนินการสลายการชุมนุมด้วยอาวุธจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตามการที่สถานะของคดีที่สองถึงที่ห้าไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงไม่ได้มีการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับทักษิณเพื่อริเริ่มกระบวนการทางคดีอย่างเป็นทางการหลังเขาเดินทางกลับประเทศในปี 2566 ดังเช่นที่มีการดำเนินการกับคดีที่เขาให้สัมภาษณ์ในปี 2558 ที่ศาลจะมีคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ก็ทำให้มีข้อน่าสังเกตว่า การริเริ่มกระบวนการสอบสวนดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพราะมีการกระทำที่น่าจะเป็นความผิดเกิดขึ้น หรือเป็นเพียงการดำเนินการเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการสลายการชุมนุมรวมถึงการติดตามดำเนินคดีผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงในปี 2553

7. คำสั่งคดีชั้น 14 ที่ยังรอคิวในวันที่ 9 ก.ย. 68

22 สิงหาคม 2566 ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย โดยมีคดีที่ต้องโทษจำคุกสามคดีดังนี้

  • คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 คดีปล่อยกู้ Exim Bank จากกรณีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของเมียนมา ซึ่งมีการสั่ังการให้อนุมัติเงินกู้ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาต้นทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยเพื่อหวังประโยชน์ในธุรกิจดาวเทียม ที่มีการซื้อบริการดาวเทียมจาก บริษัท ชินแซทเทอร์ไลท์ บริษัทในเครือชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยคดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น และมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 ให้จำคุกทักษิณสามปี ไม่รอลงอาญา

  • คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 หรือคดีหวยบนดิน จากกรณีที่ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดินในปี 2546-2549 แม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย ศาลชี้ว่า แม้ว่าโครงการนี้จะช่วยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีรายได้จากการขายสลากกว่า 1.2 แสนล้านบาท แต่การบริหารงานกลับขาดทุน 7 งวด เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้ผู้ที่ถูกรางวัล และมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายทักษิณเป็นเวลาสองปี โดยไม่รอลงอาญา

  • คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 หรือคดีนอมินีถือหุ้นชินคอร์ป จากกรณีให้บุคคลอื่น (นอมินี) ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน โดยบริษัท ชินคอร์ปฯ เป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม ศาลฯวินิจฉัยว่า นายทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทในเครือชินคอร์ปฯ เช่น บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) และบริษัทดิจิตอลโฟน จำกัด ทำให้บริษัทเหล่านี้ได้รับเงินภาษีสรรพสามิตคืนและสามารถนำไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐได้ ส่งผลให้บริษัทในเครือได้รับผลประโยชน์แต่รัฐเสียหายกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท โดยในคดีนี้ ศาลฯมีคำพิพากษาให้ลงโทษนายทักษิณ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐจำคุกสองปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุกสามปี รวมเป็นจำคุกสามปี

ทั้งนี้คดีที่หนึ่งและสองนับโทษจำคุกซ้อนกันรวมจำคุกสามปี และรวมกับคดีที่สาม ทักษิณจะต้องจำคุกแปดปี ซึ่งทำให้ทักษิณต้องเข้าเรือนจำในทันที อย่างไรก็ตามคล้อยหลังเพียงไม่ถึงวันมีรายงานว่า วันที่ 23 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 1:00 น. ทักษิณมีอาการป่วยจึงต้องนำตัวส่งไปรักษาที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ

1 กันยายน 2566 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ ระบุว่า ทักษิณเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก เขายอมรับในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ซึ่งขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากผู้เชี่ยวชาญ “จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษาเพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป”

อภัยโทษทักษิณDownload

ระหว่างที่ทักษิณรับโทษพร้อมรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส. จังหวัดนครนายก พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้ศาลไต่สวนการบังคับโทษจำคุกว่า เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วหรือไม่ วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลฎีการับคำร้อง ซึ่งเป็นการรับคำร้องหลังจากชาญชัยยื่นคำร้องให้ไต่สวนในครั้งที่สาม

คดีนี้ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษในวันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. พร้อมมีคำสั่งให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และ ทักษิณ ชินวัตร จำเลยเข้าฟังคำสั่งศาลด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก iLaw

1 ปี สว. 67 : โหวตกฎหมาย 25 ฉบับ ผ่านพ.ร.บ. 20 ฉบับ แก้ไขร่างที่ผ่านมือสส. ไป 3 ฉบับ ผลงานร้อนแรงแซงสว. ชุดพิเศษ

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศาลตีความมาตรา 112 ขยายขอบเขตเอาผิดการหมิ่นสถาบันที่ไม่ใช่ตัวบุคคล (ในบางคดี)

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม