“บิ๊กเล็ก”ชี้ต้องมองแง่ดีเหตุสู้รบไทย-กัมพูชา ทำให้ทหารไทย “รู้เรา-รู้เขา” แนะเร่งพัฒนาระบบต่อต้านโดรนอุดช่องโหว่
วิทยาลัยเสนาธิการทหาร -วิทยาลัยการทัพ แถลงผลการศึกษายุทธศาสตร์ทหาร ระบุสงครามสมัยใหม่ชี้วัดด้วยเทคโนโลยี-ระบบ โดรน-สงครามไซเบอร์ “บิ๊กเล็ก”ชี้ต้องมองแง่ดีเหตุสู้รบไทย-กัมพูชา ทำให้ทหารไทย “รู้เรา-รู้เขา” แนะเร่งพัฒนาระบบต่อต้านโดรนอุดช่องโหว่
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานงานแถลงยุทธศาสตร์ทหาร ของวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และหลักสูตรวิทยาลัยการทัพ 3 เหล่าทัพ ประจำปี 2568 โดยมี ผู้แทนกรรมาธิการทหารวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร พร้อมผู้แทนเหล่าทัพเข้าร่วม
พลเอกณัฐพล ระบุว่า ยุทธศาสตร์ทหารที่นำเสนอ โดยนักศึกษา 4 หลักสูตร เป็นประโยชน์ในการรับมือสถานการณ์วิกฤต ทั้งการใช้กำลังและเตรียมกำลังในอนาคต ที่ต้องมุ่งเน้นปฏิบัติการร่วมหลายมิติ
รวมถึงการเตรียมกำลังเพื่อมุ่งสู่การพึ่งพาตนเอง เพื่อให้กองทัพไทยมีความพร้อม เข้มแข็ง และมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วม ตอบสนองต่อภัยคุกคามทุกมิติที่ทันท่วงที
ทั้งนี้จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาปัจจุบัน มองว่า มีข้อดีอย่างหนึ่ง คือทำให้กองทัพเริ่ม "รู้เรา" ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะรู้เราไม่ครบทุกด้าน และปัญหาที่เกิดขึ้นในปีนี้ยังเพิ่มการ"รู้เขา"มากขึ้นด้วย
โดยยกตัวอย่างกรณีประเทศเพื่อนบ้านใช้ระบบโดรนที่สร้างปัญหาให้ฝ่ายไทย หลังจากนี้ต้องเพิ่มประสิทธิภาพระบบต่อต้านโดรนให้มากขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบยิงระยะไกล เพราะทางกัมพูชามีระบบยิงจรวด PHL-03 แต่ไม่ได้นำมาใช้ ซึ่งเท่าที่ทราบจรวดที่ใช้กับPHL-03 มีราคาค่อนข้างสูง
พร้อมย้ำว่า การศึกษาตามหลักสูตรทางทหาร อาจจะได้กับคู่มือ แต่เมื่อไปทำงานจริงต้องพิจารณาให้ได้ว่า มีความสอดคล้องกันหรือไม่ ทั้งนี้ที่ผ่านมากองทัพได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศ แต่ปัจจุบันการช่วยเหลือไม่ได้มากเหมือนเดิมดังนั้นต้องพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น ด้วยการจัดลำดับความเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ติดกับดักงบประมาณ
ขณะที่ตัวแทนนักศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหาร และวิทยาลัยการทัพทััง 3 เหล่าทัพ ชี้ภาพรวมของสงครามสมัยใหม่ว่า มีความเชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายเทคโนโลยีที่หลากหลาย และมีการใช้สงครามไซเบอร์ ซึ่งกองทัพที่จะอยู่รอด ต้องเท่าทันสถานการณ์ มีข้อมูลข่าวสารเป็นอาวุธ และ มีการพึ่งพาตนเองเป็นเกราะสำคัญของชาติ
ขณะที่พันเอกเสมา กระต่ายทอง ตัวแทนจากวิทยาลัยการทัพบก แถลงยุทธศาสตร์ทหารในมิติการใช้กำลังทางบก โดยเสนอวิสัยทัศน์กองทัพบก ปี 2571-2580 ที่มุ่งเป็นกองทัพบกที่มีความพร้อมรบ การใช้กำลังเด็ดขาด และเป็นที่เชื่อมั่นของคนไทย
พร้อมชี้ว่า ยุทโธปกรณ์สำหรับการปฏิบัติการในอนาคต ต้องครอบคลุม 4 ด้าน
คือระบบอาวุธยิงระยะไกล 40 -100 กิโลเมตร ที่มีความแม่นยำสูง
การพัฒนาฝูงอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV เพิ่มขีดความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์
และเครือข่ายการรบอัจฉริยะ หรือ Al
ด้านนาวาเอกวุฒิ คุ้มจันทึก ตัวแทนจากวิทยาลัยการทัพเรือ แถลงมิติการใช้กำลังทางเรือ 10 ปี โดยมองว่า ในอนาคตการใช้อากาศยานไร้คนบังคับจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกองทัพเรือ และต้องมีระบบต่อต้านโดรนให้เพียงพอและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีการนำโดรนมาใช้งานมากขึัน
ด้าน นาวาเอก ถนอมศักดิ์ ศรีหรั่ง
ตัววิทยาลัยการทัพอากาศ แถลงมิติการใช้กำลังทางอากาศ โดยระบุว่า หลักนิยมสำคัญของกองทัพอากาศ คือการครองอากาศที่สมบูรณ์ในยามวิกฤต เพื่อให้กำลังทางบก และกำลังทางเรือ สามารถปฏิบัติการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ