การลงทุนของจีนหนุนเป้าหมาย “ไทย” เป็นศูนย์กลางส่งออกระดับโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่ากลุ่มบริษัทจีนในฐานะนักลงทุนต่างชาติที่สำคัญได้นำเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น และแปลกใหม่มาสู่ไทย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตแบบดั้งเดิมที่มีนัยสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ โดยการเกิดขึ้นของ “เทคโนโลยีขั้นสูงของจีนที่ผลิตในไทย” ได้เสริมสร้างเป้าหมายของไทย ในการเป็นประตูส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงสู่ตลาดโลก
แนวโน้มนี้ปรากฏชัดเจนที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ซึ่งบรรดาแบรนด์จีนชั้นนำอย่างบีวายดี ( BYD ) ฉางอัน ( Changan ) จีเอซี ไอออน ( GAC Aion ) เกรตวอลล์ มอเตอร์ ( Great Wall Motor ) และเอ็มจี ( MG ) ได้จัดตั้งโรงงานผลิตในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อตอบสนองทั้งตลาดไทยและตลาดส่งออก
การลงทุนของจีนยังพัฒนาห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดและโครงสร้างพื้นฐานของยานยนต์ไฟฟ้า ( อีวี ) ครอบคลุมแบตเตอรี่ สถานีชาร์จไฟ การกักเก็บพลังงาน จนถึงชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) อนุมัติการลงทุนของ 21 โครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 3.86 แสนคันต่อปี คิดเป็นมูลค่ารวม 137,000 ล้านบาท
ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุว่า การผลิตยานยนต์ไฟฟ้านั่งส่วนบุคคลแบบใช้แบตเตอรี่ระหว่างเดือนม.ค.-มิ.ย. ปีนี้ อยู่ที่ 23,798 คัน เพิ่มขึ้น 380% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี และคิดเป็น 3.28% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในไทย
ไทยตั้งเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้ 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดต่อปีภายในปี 2573 เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่วิธีการเดินทางอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คุณจุฬากล่าวว่า นอกจากภาคยานยนต์ กลุ่มนักลงทุนจีนยังสนใจภาคเทคโนโลยีดิจิทัลและเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว ( บีซีจี ) ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตที่ยั่งยืนและหมุนเวียนได้ ไทยตั้งเป้าหมายเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับจีนและเป็นพื้นที่นำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน พร้อมต่อยอด 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และความเชื่อมโยงอันแนบแน่นระหว่างประชาชน
นอกจากนี้ เป้าหมายของไทยครอบคลุมการขยายความร่วมมือด้านการขนส่งอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งรถบัส รถบรรทุก และรถไฟที่ล้วนใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อการพัฒนา “ท่าเรือสีเขียว” ที่ดำเนินงานด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก และคาดว่า จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีต้นกำเนิดจากจีนจำนวนมาก
คุณจุฬาหวังว่า ไทยจะกลายเป็นพื้นที่ที่สามารถแปรเปลี่ยน “เทคโนโลยีจากการวิจัย” สู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์สำหรับตลาดโลก โดยมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามูลค่ามหาศาลของจีนเป็นตัวช่วยสำคัญ.
ข้อมูล-ภาพ : XINHUA