'ปชน.' แฉ 'กองทัพ' จัดงบซื้ออุปกรณ์ฟิตเนส ให้ ผช.ทูตทหารกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาฯ วาระพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จ เป็นวันแรก ในส่วนของงบกระทรวงกลาโหม มาตรา 8
นายณัฐพงศ์ เปรมพูสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ในปี 69 กองทัพบก ของบประมาณเพื่อจัดสร้างอาคารสูง 47 โครงการ มูลค่าสูงถึง 4.7 พันล้านบาท ถือเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ แต่หากพิจารณารายละเอียดจะพบวา กองทัพใช้งบมากถึง 3.2 หมื่นล้านบาท ส่วนการที่กองทัพบกตั้งงบประมาณลักษณะแบบนี้ เพราะจะทำให้พวกเราไม่สามารถเห็นตัวเลขงบประมาณภาพรวมได้ ไม่ทราบว่าโครงการต่างๆ จะแล้วเสร็จช่วงไหน และประชาชนตรวจสอบความคืบหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พวกเราเข้าใจว่าหลายโครงการมีความจำเป็น แต่รูปแบบการตั้งงบประมาณ ควรเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับหน่วยงานด้านความมั่นคงหน่วยงานอื่น
ขณะที่ นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร
นายชยพล อภิปรายต่อว่าอยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา เรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฎว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลยจะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่
“นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” นายชยพล กล่าว
ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า ปีนี้งบประทรวงกลาโหมปรับลดน้อย เนื่องจากเป็นปีที่มีปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น กมธ.จึงพิจารณางบของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ อาจจะไม่ตรงกับมาตรฐานที่ตั้งไว้ เพราะสถานการณ์วันนี้ต้องแสดงให้ศัตรูเห็นว่าประเทศไทยร่วมแรงร่วมใจกันทุกมิติ จึงไม่มีการปรับลดงบประมาณมาก
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า ยืนยันว่ากมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่าให้กองทัพ แต่ทำหน้าที่ตรวจเช็คความพร้อมให้กองทัพและพร้อมสนับสนุนกองทัพ ซึ่งการสนับสนุนทหารไม่ใช่การสนับสนุนสงคราม ทหารไทยไม่ได้แบกปืน แต่แบกความหวังการป้องกันประเทศด้วย
จากนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับมาตรา 8 ตามกมธ.เสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 254 เสียง ไม่เห็นด้วย 137 เสียง งดออกเสียง 18 เสียง