เผย 6 เทรนด์อสังหาฯ-บริการดาวรุ่ง รับสังคมสูงวัย ดันตลาดโตปีละ 5%
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super-aged Society) ในปี 2573 ซึ่งมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่า 28% ของประชากรทั้งหมด ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการเกี่ยวเนื่องถูกยกให้เป็น “ดาวรุ่ง” ที่ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับดีมานด์ใหม่ ๆ ของกลุ่ม Silver Age ที่มีศักยภาพทางการเงินสูง
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาฯ ในเครือแอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการศึกษาแนวโน้มธุรกิจที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร พบว่าธุรกิจอสังหาฯ และบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุมีโอกาสเติบโตแม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยชี้ 6 ธุรกิจสำคัญที่จะขยายตัวชัดเจน ได้แก่
ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย (Senior Living Community) โครงการที่อยู่อาศัยที่ออกแบบด้วย Universal Design พร้อมบริการด้านสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ทั้งขายและให้เช่า เหมาะกับกลุ่ม Early Senior และ Assisted Senior ที่ยังพึ่งพาตนเองได้หรือเริ่มต้องการการดูแล
ธุรกิจรีโนเวทบ้าน (Renovate to Senior Home) การปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ เช่น ติดตั้งราวจับ ทำพื้นกันลื่น ปรับทางลาด เป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มที่วางแผนเกษียณล่วงหน้า
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงบำบัด (Pet Therapy) ตอบโจทย์สุขภาพจิตและความเหงาของผู้สูงอายุ โดยสามารถต่อยอดเป็นบริการเช่าสัตว์เลี้ยงหรือจัดฝึกเฉพาะทาง
บริการดูแลผู้สูงวัยที่บ้าน (Home Care) ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจสุขภาพ กายภาพบำบัด จัดยา ไปจนถึงการช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน เป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่องจากข้อจำกัดของครอบครัวรุ่นใหม่ที่ไม่มีเวลาดูแลใกล้ชิด
เทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ เช่น ระบบตรวจจับการล้ม GPS Tracker Telemedicine และ Smart Home ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากกลุ่มวัยเกษียณที่คุ้นชินกับดิจิทัล
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและไลฟ์สไตล์ (Medical & Silver Tourism) เจาะกลุ่มผู้สูงวัยที่ยังเดินทางได้ เน้นทัวร์ปลอดภัย โปรแกรมดูแลสุขภาพ และ Wellness Retreat ซึ่งไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า มูลค่าการใช้จ่ายของผู้สูงอายุไทยอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาทในปี 2567 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2572 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 5.3% จากจำนวนผู้สูงอายุที่จะเพิ่มจาก 13.8 ล้านคนในปัจจุบันเป็น 18 ล้านคนในอีก 5 ปีข้างหน้า
นอกจากดีมานด์ในประเทศแล้ว นายประพันธ์ศักดิ์ยังมองว่า ประเทศไทยถือเป็น Retirement Destination ที่ได้รับความนิยมจากผู้สูงอายุต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ที่เลือกเข้ามาพักอาศัยหรือลงทุนอสังหาฯ ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยและบริการเพื่อผู้สูงวัยมีโอกาสขยายตัวทั้งในเชิงดีมานด์และการลงทุน
การปรับตัวของผู้ประกอบการอสังหาฯ จึงเป็นมากกว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุโดยตรง แต่ยังต่อยอดไปสู่ธุรกิจบริการเสริม เช่น การรีโนเวทบ้าน เทคโนโลยีสมาร์ทโฮม หรือแพ็กเกจท่องเที่ยวสุขภาพ เพื่อรองรับวิถีชีวิตแบบใหม่ของสังคมสูงวัยอย่างครบวงจร