โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“จุลพันธ์” ย้ำรอผลเจรจาภาษีทรัมป์ ชี้ยังไม่จบง่ายๆ มั่นใจทิศทางดี

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในเวทีสัมมนา “เชื่อมั่นประเทศไทย : โจทย์ใหญ่รัฐบาล ?” ที่จัดโดยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ว่า การเจรจาการค้าภาษีกับสหรัฐ นั้นคงต้องรอผลจากการหารือของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้อาจไม่จบง่ายๆ เชื่อว่าอาจจะยังไม่ได้ข้อสรุป 100% และอาจจะต้องมีการเปิดเวทีเพื่อให้มีการพูดคุยกันต่อ และภายหลังการพบกับผู้แทนการค้าสหรัฐแล้วผลการหารือจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หากการเจรจายังไม่จบหลังเส้นตาย 9 ก.ค.68 ก็เชื่อว่าจะได้รับการขยายเวลาออกไปแน่ ส่วนอัตราภาษีสรุปสุดท้ายจะออกมาอยู่ที่อัตราเท่าใดนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา แต่เชื่อมั่นว่าจะมีผลลัพธ์ที่ดี

รัฐบาลไม่มองในกรณีเลวร้ายว่าสหรัฐ จะกลับไปเก็บภาษีนำเข้าจากไทยที่อัตรา 36% อยู่แล้ว โดยในฐานะผู้ปฏิบัติไทยได้มีการหารือ และพูดคุยกับฝ่ายสหรัฐ ในหลายระดับมาโดยตลอด และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ไทยรู้โจทย์ชัดเจนว่าสหรัฐ ต้องการอะไรบ้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวมถึงภาคเอกชน ต่างหารือกันอย่างเข้มข้น และรู้ว่าไทยจะต้องปรับตัวอย่างไร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

สำหรับผลการเจรจาสหรัฐ และเวียดนาม ยอมรับว่าน่าห่วงกับเวียดนาม เนื่องจากอัตราที่เวียดนามได้ คือ เวียดนามจะถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 20% ขณะที่สินค้าสหรัฐที่นำเข้าเวียดนามจะได้อัตราภาษี 0% อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เทียบกับไทยไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความแตกต่าง

“ไทยมีสัมพันธ์กับสหรัฐมายาวนาน แม้เรื่องนี้จะใช้ชั่งน้ำหนักในการเจรจามากไม่ได้ แต่ก็เป็นความหวังหนึ่ง และเราก็ยังเชื่อมั่นว่า อำนาจในการเจรจาต่อรองของเราไม่ได้น้อยไปกว่าเวียดนาม และเชื่อว่าโจทย์ทั้งหมดของสหรัฐ นั้น ทีมไทยแลนด์รู้ดี และเตรียมตัวมาอย่างดี เพื่อให้การพูดคุยมีผลสำเร็จ “นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับการเสนอร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยอมรับว่าขณะนี้รัฐบาล โดยวิปรัฐบาล และผู้แทนคณะรัฐมนตรีว่า กำลังพิจารณาการเลื่อน หรือถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ ออกมาจากการพิจารณาในสภา ซึ่งมีวาระการพิจารณาวันที่ 9 ก.ค.68 โดยคาดจะประชุมวิปรัฐบาล นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสรุปผลได้ภายในวันที่ 7 ก.ค.68 นี้ ว่าจะมีมติถอน หรือเลื่อนออกไปอย่างไร

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องพิจารณาเลื่อน หรือถอน พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้มาจากว่าห่วงเรื่องเสียงสนับสนุนในสภาจะไม่พอ แต่มาจาก 2 เหตุผลหลัก คือ

1.ขณะนี้รัฐบาลเพิ่งมีการปรับ ครม.ใหม่ และมีรัฐมนตรีใหม่หลายคน 14-15 ตำแหน่งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ชุดเดิม ดังนั้น เมื่อมีการปรับ รัฐมนตรีใหม่เข้ามา จึงควรให้สิทธิทุกๆ ท่านร่วมพิจารณา และตัดสินใจกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนให้ตกผลึกเสียก่อน

2.เหตุผลมาจากการที่ขณะนี้เกิดปัญหาหลายมิติขึ้น ทั้งยาเสพติด ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ยังเป็นปัญหาค้างคา รวมถึงเกิดการชุมนุม มีผู้คัดค้านบนท้องถนน จึงต้องลดโทนลงความขัดแย้งของบ้านเมือง จึงมีข้อเสนอให้เลื่อนการพิจารณา หรือถอนร่างกฎหมายกลับมาที่ ครม.ก่อน ถ้าเห็นว่า มีความเหมาะสมแล้ว ก็ค่อยเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้ง

ขั้นตอนการถอน หรือเลื่อนร่างกฎหมายนั้น หากมีการเลื่อนวาระพิจารณา จะต้องให้มีการพิจารณา และโหวตกันในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอมติให้เลื่อนไปก่อน

นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ลงเพื่อรอคำวินิจฉัยกรณีคลิปเสียงหารือกับฮุน เซนหลุดนั้น โดยล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ ได้รับการโปรดเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่งรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่ามีอำนาจเต็ม และขอให้เชื่อมั่นว่า รัฐบาลยังเดินหน้า และขับเคลื่อนประเทศได้ ไม่ได้เดินมาถึงจุดเสี่ยงหรือทางตันอย่างเป็นกระแสข่าว

สำหรับกลไกของศาล หากในอนาคต คำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก จะทำให้นางสาวแพทองธาร กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ปกติ และขับเคลื่อนประเทศต่อได้อีก 2 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่หากเป็นในทางลบ และหลุดจากตำแหน่งด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะต้องไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ยังมีอีก 1 แคนดิเดต คือ นายชัยเกษม นิติสิริ

สำหรับเป้าหมายของรัฐบาลในการตั้งเป้า GDP ของประเทศให้ถึง 5% ในปีนี้ว่า การตั้งเป้าหมายของรัฐบาล จะต้องมองให้ไกล แม้จะเดินไปไม่ถึง 5% แต่ได้ถึง 3% ก็ถือว่า มีความสุขแล้ว แต่ก็ต้องตั้งเป้าไว้เพื่อความท้าทาย แต่ก็ยังมีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้ ก็ตั้งเป้าว่า GDP ปีนี้ จะเกิน 2% และรัฐบาล ก็จะพยายามออกนโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจ และเดินหน้าเศรษฐกิจ แม้จะมีปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายสงครามการค้าของสหรัฐอเมริกาที่กระทบทั้งโลก

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'พล.อ.ณัฐพล' แจง เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่เคยพูดชื่อ 'เตีย เซ็ยฮา'

20 นาทีที่แล้ว

สมช. ถกเดือดกว่า 2 ชม. 'บิ๊กเล็ก' ได้อำนาจเบ็ดเสร็จ เคลียร์ ชายแดนกัมพูชา

51 นาทีที่แล้ว

'สมศักดิ์'ปัดตอบเวลา 'กัญชา'คืนยาเสพติด ยก 'กระท่อม' คุมดี-ราคาสูง

58 นาทีที่แล้ว

ทบ. ยัน ทหารพรานไทย-ทหารกัมพูชา มีปากเสียง ไม่ถึงขั้นใช้ความรุนแรง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ราคาน้ำมันวันพรุ่งนี้ 5 ก.ค. อัปเดตราคาเบนซิน-ดีเซล-แก๊สโซฮอล์ ล่าสุดที่นี่

The Bangkok Insight

ผู้ถือหุ้นกู้ CMC257A โหวตผ่านเลื่อนไถ่ถอน 9 เดือน ปรับดอกเบี้ย 7.40%

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“พิชัย” บินกลับไทย รับดีล “ภาษีสหรัฐ” ยังไม่จบ เตรียมยื่นข้อเสนอใหม่

ข่าวหุ้นธุรกิจ

นักเทรดออปชั่นเตรียมพร้อม! Bitcoin-Ethereum จ่อพุ่งแรง ก.ค.

ทันหุ้น

“บัวหลวง” เชียร์ซื้อ 3 หุ้นค้าปลีก รับยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูง-ต้นทุนลด

ข่าวหุ้นธุรกิจ

นาโนเทค–สวทช. ต่อยอดสารหน่วงไฟจากเปลือกหอย สู่โครงการ “โรงเรียนปลอดภัย” ลดเสี่ยงอัคคีภัยด้วยนวัตกรรมขยะอาหาร

สยามรัฐ

ไทยยังปิดดีลภาษีกับสหรัฐไม่ได้ ‘พิชัย’ รับต้องทำงานหนักขึ้น

กรุงเทพธุรกิจ

Evening Report 2025-07-04

StockRadars

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...