“เลขาธิการนายกฯ” เชื่อ GBC เป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหา
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 4 สิงหาคม 2568 เวลา 21.52 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมททำเนียบ 4 ส.ค.- “เลขาธิการนายกฯ” มองไทยฝ่า 2 วิกฤติหัวเลี้ยวหัวต่อ “ชายแดน-ภาษีสหรัฐ” เชื่อ GBC เป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหา ขณะที่ “ภาษีทรัมป์” ไทยไม่เสียเปรียบประเทศคู่แข่ง แจง เหตุรัฐบาลสื่อสารซ้ำ จะได้เข้าหู เหตุ “กัมพูชา” ฉวยโอกาสสร้างข่าวปลอมบ่อย
นายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ไทยเจรจาอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐที่ 19% ถือว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) หมดหน้าที่แล้วหรือไม่ หลังมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติเบื้องต้น 2 เรื่องใหญ่คือ การสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเราหยุดยิงและได้พูดคุยกัน เชื่อว่า ความสงบสุขก็เริ่มกลับมา เห็นได้จากประจักษ์พยานที่อยู่ในภาคสนาม และทุ่นระเบิดที่ยังทำลายไม่หมด ความสงสัยหวาดระแวงกันอยู่ก็ยังมี แต่เชื่อว่าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC ที่เราส่งผู้แทนเข้าไปร่วมประชุมดังกล่าว จะเป็นการเริ่มต้นที่เราจะได้พูดคุยกัน โดยแก้ไขปัญหากันด้วยการเจรจา
เรื่องที่ 2 คือ วิกฤติเรื่องการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ใช่วิกฤติของประเทศไทยประเทศเดียว และขณะนี้ไทยได้ข้อยุติที่สำคัญ และถือว่าเป็นประโยชน์ในการดำเนินการของภาคเศรษฐกิจ ซึ่งอุปสรรคเหล่านี้ ถามว่า หน้าที่ของรัฐบาลจบหรือยัง ต้องตอบว่า ”ยัง“ เพียงแต่ผ่านพ้นจุดวิกฤติไปแล้ว ซึ่งหมายถึงได้คำตอบที่ชัดเจน และประเทศไทยสามารถดำเนินการค้า เปิดตลาดให้กว้างขึ้น อีกทั้งที่สำคัญที่สุดคือ การส่งออกเราสามารถเทียบเคียงกับประเทศคู่แข่งได้ ไม่มีอะไรเสียเปรียบ และหากดูให้ดีได้เปรียบบางประเทศเสียอีก แม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่า เสมอกัน ในภูมิภาคนี้ที่จะส่งออกในตลาดเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปดูแล และแก้ไขปัญหาเรื่องโครงสร้าง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงไว้อย่างชัดเจน ซึ่งนาทีนี้เป็นจุดเปลี่ยน (Turning point) ที่จะพาประเทศมองไปข้างหน้า และเมื่อฝ่าวิกฤติตรงนี้ไปได้แล้ว โดยที่เราต้องร่วมใจกันของประชาชนทั้งประเทศที่ต้องรวมกันเป็นหนึ่งอย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้อง และแน่นอนที่สุดว่า วันนี้ศัตรูของไทยไม่ใช่คนในประเทศ เราต้องรวมใจกันเพื่อจะฟันฝ่า และมองอนาคต โดยพูดง่าย ๆ ว่า เราฝ่าฟันวิกฤต 2 เรื่อง ซึ่งจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะพาประเทศ ร่วมกันเดินทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
เมื่อถามว่า เรื่องหัวเลี้ยวหัวต่อ 2 เรื่องใหญ่ รัฐบาลควรมีการปรับแผนเรื่องการประชาสัมพันธ์ หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีการให้ข่าวซ้ำซ้อน บางข่าวก็ผิดบ้าง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มองว่า เรื่องการให้ข่าวหน้างาน ในสถานการณ์ที่มีการสู้รบไม่มีใครรายงานได้ดี แม้กระทั่งภาคสนามก็ยังมีปัญหา ซึ่งหมายความว่า ข่าวยังมาไม่ถึง ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ในเมื่อมีความเห็นว่า เราช้าไม่ทันการณ์ ก็ได้มีการกลับแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่า 2-3 วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยความสำคัญของหน่วยงานราชการทั้งหมดเป็นรัฐบาล ไม่ได้แยก ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมาย และแต่งตั้ง
ศูนย์เฉพาะกิจ บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก.ไว้ เพื่อเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่อง โดยมีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการ ศบ.ทก. และตลอดเวลามีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเป็นภาพที่เห็นชัด
”แต่ก็มีความเข้าใจ และความพยายามที่จะชี้ว่า ไม่ใช่อันเดียวกัน ตนขอยืนยันว่า ไม่ใช่ และหลาย ๆ เรื่องไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่ที่ต้องซ้ำ เพราะเขาพูดซ้ำ ๆ จากหลายเรื่อง หลายฝั่งที่เป็นคนละข้าง ในการฉวยโอกาส สร้างข่าวไม่เป็นจริงก็ต้องออกมาพูดซ้ำหลายครั้ง จะได้เข้าหูกันถ้วนหน้า” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุ
ส่วนเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ที่จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประสานไปแล้วหรือไม่ นายแพทย์พรหมินทร์ ระบุว่า ในเรื่องนี้เมื่อได้ผ่านที่ประชุม ครม. นัดพิเศษแล้ว และได้มีมติมีการทำความเข้าใจเนื้อหา และกรอบในการเจรจา ซึ่งกรอบการเจรจาคือ บอกว่า เราต้องมีการเจรจาต่อไปแน่นอน เมื่อถึงขั้นตอนทางกฎหมายก็ต้องผ่านรัฐบาล ผ่านสภาฯ ก็จะมีการดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย .-316 -สำนักข่าวไทย