DSI เผยผู้ต้องหา 7 รายเข้ามอบตัวแล้วออกหมายจับอีก 5 กรณีหลอกลงทุนผ่านแอปฯThird Credit มูลค่าเสียหาย 33 ล้าน
จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนบริษัทรายหนึ่งโฆษณา ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงทุนในลักษณะนำเงินไปปล่อยกู้ ผ่านแอปพลิเคชัน Third Credit โดยให้ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่สถาบันการเงินตามกฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นฐานร่วมกันการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 คดีพิเศษที่ 14/2566 ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 5 ส.ค.68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เปิดเผยว่า นางสาวปริมณ์ สาริยา ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน รายงานให้ทราบว่า คณะพนักงานสอบสวนมีมติออกหมายเรียกผู้ต้องหา จำนวน 12 ราย มารับทราบข้อกล่าวหา โดยมีผู้ต้องหาเข้ามอบตัวแล้ว จำนวน 7 ราย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาดังกล่าว ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” และ “ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนผู้ต้องหาอีก 5 ราย ไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามนัดโดยไม่มีเหตุอันสมควร คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับต่อไป คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวน 203 ราย มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 33,000,000 บาท โดยคาดว่าจะส่งสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ การดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษให้มีความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม เป็นนโยบายหลักของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสอบสวนคดีพิเศษและให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ศรัทธาของสังคม ในการป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวนคดีในความรับผิดชอบเพื่อให้การบริหารองค์การมีความยั่งยืนตามหลักธรรมมาภิบาลต่อไป