ผช.เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เผย ‘พระเทพปวรเมธี’ ยังไม่สึกหลบอยู่ต่างจังหวัด
พระครูวินัยธรวิเชียร วชิรธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพระเทพปวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้ลาสิกขาหลังจากถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับสีกา ก.ไก่ นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดพบว่าตัวท่านขณะนี้อยู่ต่างจังหวัด จำเป็นต้องหลบไปก่อนไม่อยากเป็นข่าว
โดยข้อมูลที่ได้รับพบว่า พระเทพปวรเมธีมีคลิปและพัวพันกับสีกา ก.ไก่ จริง แต่คลิป และภาพที่ปรากฏนั้น เป็นเพียงการสนทนาพูดคุยกัน ไม่ใช่ภาพ และคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ นั่นจึงทำให้พระเทพปวรเมธียังไม่ต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระ แต่ยังไงก็ตามยังไม่ทราบว่าประเด็นที่พูดคุยกับสีกา ก.ไก่ เป็นเรื่องอะไร เพียงแต่เท่าที่ทราบคือพระเทพปวรเมธียังไม่มีอาการเครียดหรือกังวล เพราะตัวท่านยังไม่ต้องปาราชิก
พระคุณเจ้ายังได้อธิบายธรรมเพิ่มเติมว่า หากพบว่าพระเทพปวรเมธีได้สนทนาในเชิงเกี้ยวพาราสีกับสีกา ก.ไก่ นั้นถือว่าเป็นอาบัติสังฆาทิเสส โดยอาบัติดังกล่าวนั้นมีความรุนแรงขนาดกลางรองจากปาราชิก ซึ่งจะต้องถูกลงโทษทางพระธรรมวินัยด้วยการปริวาสกรรมหรือการอยู่กรรมเพื่อให้พ้นโทษอาบัติ แต่ไม่ถึงขั้นขาดจากความเป็นสงฆ์เหมือนปาราชิก ดังนั้น หากพระเทพปวรเมธีต้องอาบัติสังฆาทิเสสจริง ก็ยังพอที่จะแก้ไขความผิดได้
สำหรับโทษอาบัติปาราชิกนั้น จะเป็นโทษสำหรับความผิด 4 ฐาน ได้แก่ การเสพเมถุนหรือมีเพศสัมพันธ์, การลักขโมยของ, การฆ่ามนุษย์ และการอวดอุตริ ซึ่งโทษทั้ง 4 ฐานนี้ เมื่อต้องปาราชิกแล้ว จะต้องทำให้ขาดจากความเป็นสงฆ์ทันที ส่วนวัดจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนพระเทพปวรเมธี หรือไม่นั้น พระคุณเจ้ากล่าวว่า ต้องมีคนตั้งเรื่องร้องเรียนมาที่วัดโดยตรงก่อน ถึงจะดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้ แต่ทราบว่ากรณีนี้เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายบ้านเมือง ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตำรวจดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว ยังไม่พบการมาร้องเรียนมาที่วัดแต่อย่างใด
พระคุณเจ้ายังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนเป็นมหาเสนาบดีมารที่จะมาจ้องทำร้ายวงการพระพุทธศาสนาประเทศไทย โดยผู้เป้าหมายไปยังพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ ท่านจึงมองว่านี่อาจจะเป็นเกมที่ประสงค์จะทำลายวงการพระสงฆ์และเชื่อว่าที่สีกา ก.ไก่ มีเพศสัมพันธ์กับพระรูปอื่น และบันทึกคลิปนั้น อาจจะหว่านเสน่ห์ และถึงขั้นวางยาปลุกเซ็กซ์ให้บรรดาพระเหล่านั้นลุ่มหลงในตัวสีกา ก.ไก่ ก็เป็นได้
โดยสีกา ก.ไก่ นั้น เท่าที่พระคุณเจ้าทราบคือ มาจากวัดพระพุทธฉายซึ่งถือเป็นวัดที่อยู่ภายใต้สังกัดคณะภาคของเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส และได้มาทำบุญที่วัดด้วยกันตั้งซุ้มน้ำปานะถวายเลี้ยงพระสงฆ์ และอาจฉวยโอกาสดังกล่าวในการพูดคุยกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสก็เป็นได้ ซึ่งโดยปกติเท่าที่ท่านรู้จักผู้ช่วยเจ้าอาวาสรูปนี้ท่านเป็นพระที่หนักแน่นในธรรมะอยู่แล้ว
นอกจากนี้ พระคุณเจ้ายังได้กล่าวขอบคุณไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถสกัดแผนและช่วยตรวจสอบ พฤติกรรมของสีกา ก.ไก่ ได้อย่างรวดเร็วรับว่องไว ไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้ได้ เพราะนี่ถือว่าเป็นเหตุการณ์แรกในประวัติศาสตร์วงการพระพุทธศาสนาประเทศไทยที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่ตกเป็นเหยื่อของสีกา ก.ไก่ ที่เป็นดั่งเหมือนมหามารมาทำลายพระพุทธศาสนา เพราะทำให้ต้องสูญเสียพระเถระฉันผู้ใหญ่ที่มีความสามารถไปหลายรูป ซึ่งพระคุณท่านเชื่อว่า อาจจะไม่ได้มีแค่พระชั้นผู้ใหญ่ แต่อาจจะมีระดับถึงพระชั้นผู้น้อยด้วยที่อาจถูกล่อลวงแบบนี้
ขณะเดียวกันเนื่องในวันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา พระคุณเจ้าจึงได้แสดงพระธรรมเทศนาแก่พุทธศาสนิกชนทิ้งท้ายการสัมภาษณ์ว่า พุทธบริษัททั้งหลายมีหน้าที่สำคัญอยู่ 4 ประการ
1) มีหน้าที่ศึกษาพระธรรมคำสอนจะเกิดความรู้ความเข้าใจ
2) นำสิ่งที่ศึกษามาปฏิบัติ
3) เราต้องช่วยกันเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
4) เราต้องช่วยกันทำนุบำรุงปกป้องพระพุทธศาสนาในยามที่มีภัยจากมารมาผจญ
ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรจะต้องมีสติยั้งคิดจะทำอะไรและขอให้ทุกคนอย่าประพฤติชั่ว ทำแต่ความดี ให้หมั่นเข้าหาวัดเพื่อทำบุญ ไม่ใช่เข้าหาคุกหาตาราง ยิ่งการทำให้พระสงฆ์องค์เจ้าต้องผิดกฎหมายและเข้าคุกเข้าตาราง จะกลายเป็นว่าวัดจะร้าง ศาสนาจะเสื่อม และมีแต่คนเข้าคุกตารางมากขึ้น.