หา ‘คนกลาง’ หยุดยิงไทย-เขมร
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
กองทหารไทย และกัมพูชา ได้เปิดฉากปะทะกันด้วยกำลังอาวุธตลอดแนวชายแดน 4 จังหวัด (อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์-สุรินทร์) บริเวณช่องบก, ช่องอานม้า, ช่องจอม, เขาพระวิหาร, ยอดภูมะเขือ, ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นมา หลังเกิดสถานการณ์ตึงเครียดกรณีการอ้างสิทธิเหนือ กลุ่มปราสาทตาเมือน-สามเหลี่ยมมรกต มาโดยตลอด
เหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นหลังจากที่ทหารไทย เหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ลาดตระเวนแนวชายแดนที่ปลอดทุ่นระเบิดถึง 2 ครั้ง ระหว่างวันที่ 16-23 ก.ค. ที่บริเวณช่องบก กับช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี โดยพิสูจน์ทราบว่า เป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่า ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส
กองทัพภาคที่ 2 เห็นว่า การลอบวางทุ่นระเบิด ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกัมพูชานั้น นอกจากจะขัดต่ออนุสัญญาออตตาวาแล้ว ยังเป็นการละเมิดอธิปไตยและเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนอย่างร้ายแรง จึงออกคำสั่งปิดจุดผ่านแดนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงปิดแหล่งท่องเที่ยวปราสาทตาเมือน-ปราสาทตาควาย ที่กัมพูชาอ้างสิทธิอยู่ด้วย ขณะที่รัฐบาลไทยก็ได้ประกาศลดความสัมพันธ์ทางการทูต ด้วยการเรียกทูตไทยกลับและส่งทูตกัมพูชากลับประเทศทันที
พลันที่การตัดสินใจลดความสัมพันธ์ทางการทูตและปิดด่านชายแดนเกิดขึ้นเพียงข้ามวัน กองทหารกัมพูชาก็ได้เริ่มเปิดฉากโจมตีสถานที่ตั้งทางทหารของไทยทันที ตามมาด้วยการตอบโต้ของกองทหารไทยด้วยการปฏิบัติการทางทหารตามแผนเผชิญเหตุใน “ขั้นปฏิบัติการ” ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อรองรับเหตุกระทำของกองทหารกัมพูชา
แต่เหตุการณ์ปะทะกันกลับบานปลาย เมื่อกองทหารกัมพูชา ใช้อาวุธจรวดและปืนใหญ่โจมตีสถานที่ตั้งพลเรือน ทั้งบ้านเรือน โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ส่งผลให้พลเรือนไทยและทหารเสียชีวิตไปแล้ว 15 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีรายงานอย่างไม่เป็นทางการเข้ามาว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะไปแล้ว 24 ราย
ด้านรัฐบาลกัมพูชาได้ชิงยื่นหนังสือต่อ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) กล่าวหาไทยเป็นฝ่ายรุกรานอธิปไตยของกัมพูชา และขอให้มีการเรียกประชุมฉุกเฉิน สวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ทว่ากองทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังคงใช้อาวุธตอบโต้กันไปมา สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินต่อพลเรือนและทหารอย่างที่สุด ขณะเดียวกันก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการหา “คนกลาง” เข้ามาไกล่เกลี่ยเพื่อให้เกิดการหยุดยิงทั้ง 2 ฝ่าย โดยคนกลางที่ว่า จักต้องเป็นที่ยอมรับในความเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กระบวนการเจรจาจึงจะเริ่มต้นได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หา ‘คนกลาง’ หยุดยิงไทย-เขมร
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net