สำนักพุทธฯ เครียด ไม่เคยเจอวิกฤต นารีพิฆาต ข้องใจ ทำไมผู้หญิงคนเดียว เอี่ยวพระจำนวนมาก
สำนักพุทธฯ เครียด ไม่เคยเจอวิกฤตนารีพิฆาต ทำลายพระดี ด้านสีกากอล์ฟ เสียใจ ยืมเงินพระวัดชูจิตฯ จริง 12.8 ล้าน แต่ไม่มีซัมติง
รายการ โหนกระแส วันที่ 14 ก.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 ตามกันต่อกับกรณี “สีกากอล์ฟ” นารีพิฆาต ผู้เขย่าวงการสงฆ์ ล่าสุดมีพระชั้นเทพสึกเพิ่มอีก สัมภาษณ์ จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา, พระมหาวัฒนา ปัญญาทีโป เปรียญธรรม 9 ประโยค อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, บุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
กรณีเรื่องราวที่เกิดขึ้น สำนักพุทธมองว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่มั้ย?
บุญเชิด : ตั้งแต่รับราชการมา เกิดมาอยู่ในแวดวงพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ต้องถือว่าครั้งแรกที่เจอวิกฤตแบบนี้ ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่นารีพิฆาต หรือเจ้าคุณท่านพิฆาตนารี ไม่เคยเจอยิ่งใหญ่ หรือมีจำนวนมาก แต่ที่ตกใจคือผู้หญิงคนเดียวเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์องค์เจ้าเป็นจำนวนมาก ตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วท่านเหล่านั้นมองโยมในมิติใด ทำไมถึงรู้จักกันไปทั่วในแวดวงสังคมดังกล่าว
พระที่สึกออกไปแล้วกี่รูป?
บุญเชิด : 7 รูป 7 ท่านด้วยกัน มีหลักฐานชัดเจน เริ่มตั้งแต่ทิดอาชว์ วัดตรีทศเทพ, วัดพระพุทธฉาย, ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ, ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร, ท่าน ดร.มหาบุญเลิศ และท่านปลัดสุรพล ที่อยู่พิษณุโลก
จะมีสึกอีกมั้ย?
บุญเชิด : ตอบไม่ได้ครับ
บ่ายวันนี้จะมีพระสึกอีก?
บุญเชิด : ข้อมูลยังไม่มาที่เรา แต่เราทำงานรวมทั้งหมด 20 กว่าท่านในการเกาะติดข้อมูล ถ้าลาสิกขาก็จะแจ้งทันที
จตุรงค์ : เห็นเขาลือกันอย่างนั้น น่าจะหมายถึงเจ้าคุณวัดชูจิตฯ ท่านก็เป็นพระที่น่ารักเหมือนกัน จะร้องไห้อีกหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวคนก็ด่าอีก ก็รู้จัก ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ในคณะธรรมยุตผม วัดชูจิตฯ เลี้ยงเณรเลี้ยงพระเยอะมาก ไม่แพ้หลวงพ่อแย้ม แต่อันนี้เขาใหญ่ในเชิงให้โอกาสพระเณรที่ขาดโอกาสทางการศึกษาสำหรับวัดชูจิตฯ เขาเป็นมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัยด้วย สำนักเรียนบาลี เขาเป็นหลายอย่างในอยุธยา ถ้าอยากเรียก อยากเข้าสู่ระบบอย่างคุณภาพ วัดชูจิตฯ เป็นอีกวัดหนึ่งที่ขยายโอกาสทางการศึกษาทางคณะสงฆ์
มีนักข่าวลงพื้นที่ไม่เจอท่าน?
บุญเชิด : เจอแล้วครับ ข่าวลือจะไปลาสิกขาที่อยุธยาไม่จริง ตอนนี้ทางผม เราบริหารกลาง เรามีบริหารภูมิภาค มีสำนักพุทธจังหวัดทั่วประเทศ ก็สั่งการให้สำนักพุทธพระนครศรีอยุธยาได้ร่วมมือกับ ตร.ที่เข้าพบท่านวันนี้ ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างการพูดคุยกับท่านที่กุฏิ มีทีมผมอยู่ตรงนั้น
บ่ายนี้จะสึก?
บุญเชิด : เรื่องสึกยังไม่ได้พูดถึงครับ เท่าที่ทราบวันนี้ ตร. โดย ผบ.ตร.ได้เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของท่าน ท่านบอกพร้อมชี้แจงเรื่องเงิน ก็ว่าไปตามพยานหลักฐานเลย
จตุรงค์ : แล้วที่เขาลือว่ามีหมายจับล่ะครับ
บุญเชิด : ยังไม่มีข้อมูลตรงนี้เลย
มีเส้นเงินไปถึงท่าน 10 กว่าล้านที่พัวพัน พอจะทราบ?
จตุรงค์ : ไหนบอกว่าไม่รู้จักกอล์ฟ สรุปยังไงกันแน่ ไหนบอกพัวพันไม่กี่แสน
เอาตรงๆ มีส่วนมั้ย 13 ล้าน?
บุญเชิด : แต่ละรูปแต่ละผู้ใหญ่ พอท่านรู้ว่าผมได้รับมอบหมาย แต่ละท่านก็โทรมาปรึกษา ผมก็ถามท่านทั้งหมด 4 ข้อ หนึ่ง ท่านมีการปฏิสัมพันธ์เชิงปาราชิกหรือไม่ ได้เสียกันมั้ย สอง ท่านมีวิดีโอคอลเสียวมั้ย สาม ท่านมีแชตเชิงชู้สาวจีบกันมั้ย สี่ มีการโอนเงินให้สีกาหรือเปล่า ที่ถามเพราะจะได้บอกเส้นทางว่าท่านควรจะทำยังไงต่อไป
มีใครยอมรับมั้ยว่าอาตมาพลาดพลั้งลงเสา?
บุญเชิด : ที่โทรหาผมเป็นพระผู้ใหญ่ทั้งหมด ไม่มีใครบอกว่าท่านไปมีอะไร แต่ถามต่อว่าเหตุใดจึงมีเหตุจูงใจให้ท่านไปโอนให้เขาล่ะ แต่ละท่านบอกว่าเป็นการยืม ก็เรียนท่านว่าท่านต้องตอบกับ ตร.ที่เขาไปสอบเส้นทางการเงินของท่าน ไม่มีใครบอกว่ามีความสัมพันธ์ เราทำงานตรงไปตรงมา
เรื่องทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ล่าสุดทิดแหล่ให้ปากคำกับบิ๊กเต่าและร้องไห้ บอกว่ารู้จักสีกากอล์ฟปี’65 รู้จักผ่านเฟซบุ๊กสีกากอล์ฟ ตัวสีกาเองติดต่อเข้ามา ทิดแหล่เองก็ดูแลเป็นแอดมิน เขาบอกสีกากอล์ฟไปตีสนิทกับเขาก่อน จากนั้นก็หลวมตัวแล้วไปมีสัมพันธ์สวาทฉันชู้สาว สีกากอล์ฟคอยชี้นำ ประเด็นสำคัญมีหลักฐานบางอย่าง
แต่ยังไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง พระใส่ชุดนอน สีกากอล์ฟ ทิดแหล่ให้ข้อมูลบิ๊กเต่าว่าสีกากอล์ฟเป็นคนขี้นำผมหลายๆ เรื่อง บางเรื่องสีกากอล์ฟให้ผมทำหนังสือร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์ ในขณะที่ยังเป็นพระ และยื่นให้ทางพระผู้ใหญ่และสำนักพุทธ แต่เรื่องทั้งหมดกลับเงียบหายไป ส่วนสำนักพุทธบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย แต่ปากสำคัญคือทิดแหล่บอกบิ๊กเต่าว่าสำนักพุทธรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ต้นปี เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้นมั้ย?
บุญเชิด : ยืนยันนะครับ หลังผมได้ดูข่าวเมื่อวานตอนเย็น ตอนเช้ามาผมสั่งทีมงาน เรามีกลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนาเป็นผู้รับร้องเรียนเรื่องราวพระสงฆ์ ให้ตรวจสอบให้หมดเลยตั้งแต่ปีที่เขาอ้างมา ทีมงานตรวจสอบ เราไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนเลย ก่อนผมมารายการคุณหนุ่ม เราตรวจสอบทั้งสารบบ ไม่เคยได้รับเรื่องราวร้องเรียนมาก่อน ถ้ามี ผมเคยเรียนแล้วว่า เราไม่เคยมองพระรูปนั้นเป็นพระชั้นไหน ถ้ามีเรื่องร้องเรียนเราไม่เคยเก็บไว้ที่เรา เพราะจะกลายเป็นว่าละเลยปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมีร้องเรียนเข้ามา เราจะถวายงานเจ้าคณะปกครองที่สูงขึ้นไปกว่าท่าน แต่วันนี้บอกตรงๆ ว่าทีมงานเราไม่เคยได้รับร้องเรียนที่ว่า
เป็นไปได้มั้ย บางบุคคลรับเรื่องแล้วไม่ได้แจ้ง ทำให้สำนักพุทธมัวหมอง?
บุญเชิด : ไม่น่าเป็นไปได้ ใครรับเรื่องแล้วไม่เสนอต่อผู้บังคับบัญชา รู้ทีหลังก็โดนสอบนะครับ เราตั้งกรรมการสอบด้วยนะ
ในนี้บอกว่าร่างหนังสือยื่นพระผู้ใหญ่ ตรวจสอบไม่ยากเลย ถ้ามุมทิดแหล่ถูกบิ๊กเต่าสอบถามว่ายื่นเมื่อไหร่กับใคร มันไม่ยากเลย?
บุญเชิด : ผมว่าวันนี้เรากำลังเข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหา ผมเองคงไม่ต้องไปแสวงหาว่าใครรับมาหรือไม่ได้รับ แต่ทำงานมา เรามีกติกาหรือข้อร้องเรียน ระเบียบปฏิบัติอยู่ ใครรับมาแล้วไม่เสนอผู้บังคับบัญชาเขาก็กังวล วันนี้เราจะตรวจสอบและเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป ไม่อยากให้นั่งเสียเวลา เราจะแก้ปัญหาป้องและปรามต่อไปยังไง ไม่ให้เกิดสีกา ข. ต่อไป
วัดชูจิตฯ เช็กล่าสุดท่านไม่ได้อยู่ที่วัดจากตอนแรกอยู่?
บุญเชิด : ทีมงานเรารายงานมาทางไลน์ล่าสุดว่ายังไม่เจอท่าน
แหล่งข่าวบอกว่าท่านไปลาสิกขาที่วัดแห่งหนึ่งที่อยุธยา สื่อลงพื้นที่ไปไม่เจอ ตอนแรกท่านรองบอกว่ายังอยู่ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว จริงๆ ท่านเป็นพระยังไง?
จตุรงค์ : แกเป็นพระกึ่งวิปัสสนากับนักพัฒนา สำหรับผมท่านพยายามทำให้สถาบันการศึกษาในวัดชูจิตฯ เป็นทั้งสถาบันการศึกษาด้วย และมีความร่มรื่นเหมือนวัดป่าด้วย ให้การศึกษาภายใต้สิ่งแวดล้อมอันเขียวขจี ให้การศึกษาพระเณรในปริมาณมากๆ ทั้งในเชิงสามัญศึกษา ทั้งในเชิงปริยัติธรรม ทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี เดี๋ยวดราม่าเหมือนสมัยพ่อแย้มอีก ท่านก็ครบเครื่องในสายตาผม สนับสนุนด้านการศึกษาอย่างดี เลี้ยงพระเลี้ยงเณรโดยหวังผลทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ
ส่วนใหญ่พระเราเอะอะก็นักธรรมบาลี แต่ท่านมีทางออกคือสามัญศึกษาเพิ่มอีก ในมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดชูจิตฯ มีความหลากหลายภายใต้สิ่งแวดล้อมต้นไม้เยอะๆ สำหรับผม วัดอารมณ์แบบนี้ก็หายาก ยอมรับวิสัยทัศน์ท่าน ผมก็ยังงงๆ อยู่ไม่รู้ท่านเอาเงินจากไหน 11 ล้านไปให้เขา
บุญเชิด : ผมรู้จักท่านมานาน เราทำงานร่วมกันทั้งการศึกษาและการปกครอง พอเกิดเหตุการณ์กับท่านผมก็ตกใจ ท่านก็โทรมาหาบอกว่าอาตมาเป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อที่มีอยู่ ก็เลยถามไป 4 ข้อ แต่ท่านพูดกับผมประโยคหนึ่งว่า อาตมาถูกสีกาหลอก ผมก็บอกว่าหลอกยังไงผมไม่ทราบ ท่านเป็นเจ้าคณะปกครองระดับสูง ท่านเป็นประธานปริยัติสามัญ
ผมถวายอาจารย์ตรงๆ อาจารย์ลาออกจากทุกตำแหน่งเลย เพราะทุกวันนี้อาจารย์บอกว่าออกไปทำงานไม่ได้ ไม่มีที่ยืนในสังคม สื่อออกมาไม่ว่าจะอาจารย์หรือใครก็ตามแต่ หาจุดยืนในสังคมไม่ได้แล้ว แต่เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา และสิ่งที่อาจารย์ตั้งใจทำมาเป็นสิบๆ ปี ชั้นต้นให้เขาทำงานต่อได้ อาจารย์ลาออกจากตำแหน่งก่อนครับ ท่านก็เลยลาออก
12 ก.ค. ท่านลาออก แต่ประเด็นคือท่านต้องสึกมั้ย?
บุญเชิด : ตอนนี้ยัง เพราะท่านระบุชัดเจนว่าท่านไม่ได้ต้องอาบัติหนัก ไม่ได้เสพสังวาส แต่ท่านโอนเงิน คำถามที่ถาม ด้วยความเคารพ อะไรคือเหตุจูงใจให้อาจารย์โอนให้กับเขา ท่านตอบว่าเขายืมอาตมา เรื่องยืมผมไม่ได้สอบถามว่าจะยืมจริง หรือให้โดยอะไรก็ตามแต่ แต่วันนี้อาจารย์ต้องตอบคำถามทางบ้านเมืองและสำนักพุทธให้ได้ว่าทำไมถึงโอนให้เขา เพราะสุดท้ายจะจบไม่ได้ เพราะเขาจะตรวจสอบว่าเงินท่านหรือเงินอะไร ท่านยืนยันว่าเป็นเงินท่าน ก็ว่ากันไป
กำลังกล่อมพระว่าอาจจำเป็นต้องสึก?
บุญเชิด : คำว่าสึกกับสละสมณเพศมันเป็นคำใกล้เคียงกัน วันนี้ท่านต้องอาบัติปาราชิกเราให้สละสมณเพศไป วันนี้ท่านยังไม่ยอมรับ ผมก็บอกท่านว่า ในมือผมอาจารย์โอนเงินเท่านี้ แต่ในมือ ตร.เขามีหลักฐานอื่นนะครับ พูดคำนี้เพื่อให้ท่านได้รักษาความดีงามที่เคยสร้างไว้ แต่ผมไม่ได้บอกว่าท่านต้องสึกนะ แต่สุดท้ายถ้าท่านเห็นว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่ ปรากฏอยู่ไม่สง่างาม ถ้าท่านลาออกก็สู้ต่อไป แต่ถ้าท่านลาสิกขา หรือสละสมณเพศไป ท่านไม่ต้องลาออก มันจะหมดโดยอัตโนมัติ เพราะสละสมณเพศไปแล้ว
ถ้า ตร.มองเส้นเงินว่าเอาเงินวัดมาเข้าบัญชีตัวเองแล้วโอน จะต้องโดน?
บุญเชิด : โดนอาญาอยู่แล้ว เพราะเงินวัดไม่สามารถนำไปใช้ส่วนตัวได้อยู่แล้ว
พระมีเงิน 11 ล้านให้ญาติโยมยืมได้มั้ย?
พระมหาวัฒนา : ถ้าเงินส่วนตัวก็ได้ อาจมาจากญาติโยมบริจาค พระระดับเจ้าคุณชั้นเทพ ท่านก็มีงานใหญ่ อย่างวัดชูจิตฯ ท่านก็เป็นประธานการศึกษาปริยัติธรรมฝ่ายสามัญ ท่านดูแลพระเณร 600 กว่าโรงทั่วประเทศ ปีหนึ่งงบประมาณในส่วนนี้น่าจะ 7 พันล้านมั้ย เท่าที่ดูเขาประชุมกัน งบประมาณส่วนนี้มีเยอะมาก เยอะกว่า มจร.ด้วยซ้ำไป เยอะกว่า 7 เท่า เป็นไปได้มั้ย
งานที่ใหญ่ขนาดนี้ท่านมีรายได้รายรับต่างๆ จากงานภาคนี้ อาจรวมๆ แล้วหลายปี อาจถึง 11 ล้านก็เป็นไปได้ เป็นเงินส่วนตัว แต่ท่านได้มาถูกต้องหรือไม่อย่างไรไม่ทราบ แต่ก็เป็นไปได้อีกว่าจะเอาเงินวัดมา ก็ต้องดูหลักฐานจาก ตร.
จตุรงค์ : แหม่ ระดับชั้นเทพ สมณนิมนต์ผมก็ว่าได้อยู่ ขนาดวัดม่วง ชั้นลาดยังบอกมี 20-30 ล้านได้ แล้วนี่ชั้นเทพและปกครองอดีตภาค 1 2 3 ธรรมยุต คิดว่าท่านมีเงินส่วนตัวได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามเอาเงินวัดมาก็โดนเลย
ที่สงสัยที่สุดคือ ขอยืมท่านสัก 11 ล้านได้มั้ย?
พระมหาวัฒนา : นี่คือเหตุผลที่น่าจะเป็น ใครจะกล้าให้ยืม 11 ล้าน
บุญเชิด : อันนี้ให้ความเป็นธรรมกับท่านด้วย ท่านก็สารภาพตรงๆ ว่าอาตมาไม่ได้โอนทีเดียว 11 ล้าน ทยอยยืมก็โอนให้
ต้องคนแบบไหนถึงขอให้พระโอนให้ แสดงว่าสนิทกันมากนะ?
บุญเชิด : ก็ต้องรู้จักมักคุ้นกันพอสมควร ขนาดผมจะขอยืมเงินคุณจตุรงค์หมื่นนึงยังคิดแล้วคิดอีกเลย
จตุรงค์ : ช่วงนี้มีพระบางกลุ่มไม่โอเคกับการทำงานของ ตร. มาเม้งใส่องค์กรพี่บุญเชิดว่าทำไมไม่ปกป้องพระ ซึ่งอยากอธิบายกรณีศึกษากรณีเงินทอนวัดวัดนึง อย่าเอ่ยชื่อท่านเลย ท่านพ้นผิดไปแล้ว เขาจับพระบริหารเงินวัดกลุ่มใหญ่ จะจับให้สละสมณเพศหมดเลย แต่มีอยู่รูปนึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ตร.ไปหาหลักฐานทางบัญชี แต่ดันไปเจอหลักฐานอยู่ในคอมพ์ ทำให้พระรูปนึงซึ่งไม่เกี่ยวกับเงินทอน
แต่สละสมณเพศในสองวันถัดมาโดยไม่มีสาเหตุ จากกรณีนี้ทำให้เราเห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามเจอหลักฐานดิจิทัลบางอย่างที่ไม่ดีหรืออุจาด เขาจะเลือกออกไปเลย อย่าเพิ่งไปโทษว่า ตร.เขาจะจับสึก เพราะอย่างที่บอก เขาจะมาสึกกลุ่มนี้ แต่กลุ่มนี้ไม่มีใครยอมสึกสักคน
แต่เจ้าคุณรูปนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย แต่ ตร.ดันไปเข้าคอมพิวเตอร์วัด แล้วเจออะไรบางอย่าง ท่านชิงสึกก่อนเลย ดังนั้น ก็ต้องเรียนพระคุณเจ้าทุกรูปที่สึกไปแล้ว แต่ท่านที่ยังไม่สึกท่านมั่นใจจริงๆ ใช่มั้ยว่าเขาไม่ได้มีดิจิทัลฟุตพรินต์บางอย่างอยู่ในหลักฐานของเขา ท่านมั่นใจแน่ใช่มั้ยว่าเราไม่มีอะไรอยู่ในมือบิ๊กเต่า
ผมว่ามี?
จตุรงค์ : คุณหนุ่มก็ปั่นทุกที
ล่าสุด ตร.ประกบและมีการพูดคุยว่าท่านเอายังไงต่อ จะสึกหรือไม่สึก น่าจะมีหลักฐานบางอย่างเชื่อมโยงตรงนั้นได้ แต่เส้นเงินเขาเจอแล้ว เป็นหลักสิบล้าน วัดกัลยาณมิตรสึกแล้ว?
บุญเชิด : สึกแล้วครับ
ท่านหายไปไหนมา?
บุญเชิด : ไม่ทราบเลยครับ เท่าที่เราเกาะติดสถานการณ์ พอมีข่าวท่านก็ไปกราบลาเจ้าอาวาสว่าขอไปลาสิกขา
พระมหาวัฒนา : สึกแล้วดูดีกว่าเดิมเยอะ ตอนอยู่วัดท่านหมองๆ หน่อย ผิวคล้ำๆ
แต่ละรูปที่โดนเสียดายมั้ย?
บุญเชิด : ผมรู้จักกับเกือบทุกรูป แต่ละท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถทั้งนั้น อยู่ในวงการคณะสงฆ์ ทำงานพระพุทธศาสนามายาวนาน เสียดายความรู้ เป็นความผิดพลาดรวมถึงอุบัติเหตุของท่าน กรุณาอย่าไปซ้ำเติมท่านแล้วกันนะครับ
ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เป็นตัวอย่าง เป็นข้อความแชต ส่งรูปหน้าตัวเองไป?
บุญเชิด : โดยส่วนตัวทั้ง 3 ท่าน ผมเองก็เห็นใจที่แต่ละท่านสละสมณเพศแล้วเจอข้อมูลออกทางสื่อ ก็เห็นใจท่านเหมือนกัน แต่ในเมื่อเป็นความผิดพลาดของท่านไปก็ถือว่าท่านไปดำรงวิถีคฤหัสถ์ไปครับ
ยังไงต่อ?
จตุรงค์ : ต้องรอดูกันต่อไป เมื่อวานพระคืนนิมนต์กันซะบานเลย ผมก็งงๆ อยู่ มีคนท้วงมา พระได้รับนิมนต์ในงานและพระมาจริง อุ้ย ตัดตอนกันไปเยอะ แสดงว่าที่ลือๆ กันน่าจะไม่เกินความจริง
บุญเชิด : อยากใช้สื่อนี้ถึงเพื่อนของผมที่ยังไม่ออกมา อยากประกาศต่อหน้าวันนี้เลย ถ้าท่านบริสุทธิ์ใจก็ออกมากู้ศักดิ์ศรีท่านเถอะครับ ถ้าท่านไม่ผิดก็ออกมาเถอะ ท่านถูกกล่าวหาอยู่ ถ้าท่านออกมา ถ้าท่านกู้ศักดิ์ศรี ท่านก็อยู่ในสังคมได้ แล้วท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกนะครับ
พิจิตรกับพิษณุโลก ท่านสู้ว่าท่านไม่ผิด พิจิตรนี่ยังไง?
จตุรงค์ : ผมจำได้ช่วงปี’55,56 คนทะเลาะกันเรื่องวัดบางคลาน ทะเลาะกันมั่วซั่วยังไงไม่รู้ มีการขุดว่าใครพวกใคร ผมก็เห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่การขุดนั้นนำไปสู่การขุดเจ้าคณะพิจิตรตอนนั้น มีการแห่รถปิกอัพเป็นสิบๆ คันไปประท้วง ปราศรัยโจมตีเจ้าอาวาสปี’66 ว่าท่านมีภริยา 2 ท่าน มีบุตรและภริยา บุตรภริยาหนึ่งในนั้นเขาลือว่าเป็นสีกากอล์ฟ บุตรคนนั้นเป็นบุตรคนที่สามของสีกากอล์ฟ
เอาชื่อน้าแท้ๆ ของกอล์ฟมาใส่ในทะเบียนราษฎรว่าเป็นพ่อเด็ก วันนั้นก็งงอยู่ที่คุณกอล์ฟบอกจะตรวจดีเอ็นเอ ผมเชียร์ให้ตรวจนะ จะได้สิ้นสงสัย ไม่ต้องสู้คดีกัน ถ้าตรวจออกมาแล้วชัวร์ว่าลูกสีกากอล์ฟไม่ใช่ลูกที่มาจากเจ้าคณะพิจิตรไม่มีปัญหาเลย แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทั้งสีกากอล์ฟและเจ้าคณะพิจิตรก็ดี จะยังอยากหาทางออกง่ายๆ ด้วยการตรวจดีเอ็นเอหรือเปล่า
สีกากลอ์ฟบอกว่าไม่จริง?
จตุรงค์ : จริงๆ เรื่องตรวจดีเอ็นเอผมไม่ได้คิดด้วยซ้ำนะ เขาเป็นคนพูดในรายการเอง ชาวพุทธก็ซื้อ งั้นมันก็จบเลย แต่พี่รณณรงค์อาจไม่ซื้อเพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องของพระที่มาตรวจ แต่ผมมองว่าถ้าท่านมั่นใจในความบริสุทธิ์ก็ตรวจจะได้จบๆ ท่านจะได้แก้คำครหา ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะต้องใช้ทฤษฎีนี้ แต่เมื่อวานไปงานใหญ่กับพี่บุญเชิด ได้คุยกับกรรมการ มส.หลายท่าน
ท่านก็ยืนยันว่ามันง่าย โลกวิทยาศาสตร์แล้ว ผมไม่รู้ท่านจะเอายังไง กอล์ฟก็ถือเป็นมารดาของบุตร ต้องถามว่าคุณกอล์ฟจะเอาบุตรมาตรวจมั้ย แล้วท่านเจ้าคุณจังหวัดพิจิตรท่านจะตรวจมั้ย ถ้าท่านตรวจแล้วพบว่าไม่ใช่ คนที่ก่อม็อบต่อต้านท่านปี’66 จะถอยกันหมดแหละ แต่พอท่านไม่ตรวจเขาก็ก่อหวอดในการต่อต้านท่านต่อไป
อยู่ในสายกับอดีต ส.ว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ที่เมื่อวานลงว่าจับตามองเรื่องใหญ่พิจิตร เรื่องอะไร?
กิตติศักดิ์ : ผมปกติเก็บความลับไม่อยู่อยู่แล้ว แต่พอดีตกลงกับบิ๊กเต่าว่าจะหยุดพูดสักแป๊บนึง เพื่อให้บิ๊กเต่าทำงานไป ทุกอย่างอยู่ในมือบิ๊กเต่า
พูดเรื่องวัดท่าหลวงเหรอ?
กิตติศักดิ์ : ใช่
ล่าสุดเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรบอกว่าตัวพี่ออกมาโพสต์ต่างๆ นานา เป็นการเชื่อมโยงไปเรื่อย เป็นวิบากกรรมอาตมา พี่กิตติศักดิ์ผูกใจเจ็บท่าน?
กิตติศักดิ์ : เหรอ เรื่องอะไรล่ะ แย่งสาวคนเดียวกัน
อุ้ยตาย ท่านบอกแบบนี้ พระเทพฯบอกว่าเป็นเรื่องที่ผูกใจเจ็บและเป็นวิบากกรรมนับสิบปี เขาก็เชื่อมโยงเรื่อยเปื่อย?
กิตติศักดิ์ : ทำไมร้อนตัวล่ะ มีเป็นพันๆ รูป ท่านมาเดือดร้อนอะไรล่ะ
พี่เองเคยมีเรื่องราวกับท่านมั้ย?
กิตติศักดิ์ : ไม่มี ผมก็เสียสละแล้วว่าไม่ไปจีบหญิงคนเดียวกัน เรื่องส่วนตัวไม่มี แต่ใครทำอะไรไว้ก็รับกรรมไปแล้วกัน ถ้าผมทำอะไรไว้ไม่ดีผมก็ต้องรับกรรม ผมเคยไปออกรายการพี่หนุ่ม ผมเสียหายมาเยอะแยะ ความจริงต้องปรากฏ ผมไม่กลัวใครพูดอะไร เพราะผมไม่มีแผล แต่ถ้าใครทำอะไรไว้ หรือจะกินปูนร้อนท้องก็นิมนต์ เชิญตามสบาย
ท่านแต่งตั้งทนายขึ้นมาเพื่อต่อสู้ว่าไม่สึกเหมือนท่านโดนกล่าวหา?
กิตติศักดิ์ : นั่นแหละ ท่านก็ไปตอบมหาเถร ตอบคณะบิ๊กเต่า ไม่ใช่เรื่องเหวี่ยงงวงเหวี่ยงงา จริงๆ ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านเลย ผมไม่ได้เอ่ยชื่อท่านสักคำ แล้วเดือดร้อนทำไมล่ะ ถ้าบอกว่าอดีต ส.ว. ก. ผมก็ต้องเดือดร้อนด้วยสิ ผมบอกแล้วผมไม่มีแผลและไม่กลัวหน้าไหนทั้งนั้น แต่ถ้าใครมีแผลก็ตามแก้เอาแล้วกันนะ อย่ามาเบี่ยงเบนประเด็นเลย อย่ากินปูนร้อนท้องเลย ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย
ธรรมดาพี่ขึ้นวัดท่าหลวงมั้ย?
กิตติศักดิ์ : ไม่ทำบุญวัดท่าหลวง ก็ไม่ศรัทธา ผมไหว้หมาไหว้แมวยังดีกว่าคนชั่ว อย่าว่าแต่จะไม่ไหว้คนชั่วเลย เป็นคนยังไม่ได้เลย ผมชอบทำบุญกับวัดยากจน ดูแล้วพระที่ผมจะใส่บาตรต้องสะอาดพอสมควร คนเราเป็นมนุษย์ต้องแยกดีแยกชั่ว แยกขาวแยกดำได้ คนไม่ว่าอยู่สถานไหนก็ตาม แยกดี แยกชั่ว แยกขาว แยกดำ แยกบาปบุญไม่ได้ ก็เป็นคนไม่ได้
มีหลวงพ่อเพชรนะ เป็นที่กราบไหว้ ศักดิ์สิทธิ์นะ?
กิตติศักดิ์ : หลวงพ่อวัดไร่ขิงก็เป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธ เช่นเดียวกันเมื่อพระเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงทำผิด ท่านก็รับผิดชอบไป แต่หลวงพ่อวัดไร่ขิงท่านก็สวยเด่นเป็นสง่า น่ากราบไหว้บูชาเหมือนเดิม เช่นเดียวกับหลวงพ่อเพชรครับ
พระพุทธรูปไม่ได้ผิด วัดไม่ได้ผิด?
กิตติศักดิ์ : ศาสนาไม่ได้ผิด ผิดที่คนที่เรียกว่าคนไม่ทั่ว
ให้ข้อมูลอะไรบิ๊กเต่าบ้าง?
กิตติศักดิ์ : ไม่ได้หรอก ไม่บังอาจ ตำแหน่งก็ไม่มี เป็นชาวบ้านบ้านนอก แต่ละคนเที่ยวโยงมาที่ผมจนได้ อยากแลกกันก็ไม่ได้เกี่ยว ไม่มีใครกลัวใครหรอกครับ
กังวลใจมั้ยต้องต่อสู้กับพระ?
กิตติศักดิ์ : ผมไม่ได้ต่อสู้กับพระ ผมต่อสู้กับมารศาสนา
จตุรงค์ : เผ็ดร้อน
พี่แรงมาก?
กิตติศักดิ์ : ไม่เห็นเชิญไปเลยล่ะ แหม อาจารย์ที่นั่งๆ อยู่ ผมไม่กล้าไปตีฝีปากด้วยหรอกครับ
จตุรงค์ : มิได้ครับ ถ้ามีข้อมูลกราบเรียนเชิญเลยครับ อยากให้พี่มาอธิบายจริงๆ ผมไกลพิจิตรเยอะ
กิตติศักดิ์ : อาจารย์ก็รู้ว่าทะเล่อทะล่าไป เดี๋ยวหมายมาแปะบ้าน เราต้องทำ มันเป็นหน้าที่ประชาชนที่ดี เห็นอะไรไม่ดีไม่งามก็ต้องพูดจาติง แต่พูดไปสามวันหมายมาแปะ แรกๆ กลัว ตอนนี้ชินแล้ว
จตุรงค์ : คิดว่าตรวจดีเอ็นเอ จบมั้ยครับ
กิตติศักดิ์ : การตรวจไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน เขาฟ้องดำเนินการตามกฎหมายนี่แหละ บางครั้งสีกาจะท้าทายอะไรอย่างนี้ ผมว่าใครมารับเป็นพ่อ ถ้าไม่ใช่พ่อจริง ก็แจ้งเท็จต่อมหาดไทย มาให้อำนาจผมสิครับ อย่าฟ้องผมสิครับ เดี๋ยวจะแฉให้ดู แต่คราวนี้ผมสู้มาตั้งแต่ปี’61 เงินเดือนหมดแล้วครับ ว่าจะขอยืมพี่หนุ่มอยู่
ใจเย็น ท่านเองลงข้อความเรื่องทำให้คนตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องการสึกพระผู้ใหญ่จังหวัดพิจิตร ล่าสุดแหล่งข่าวเชื่อถือได้แจ้งว่าพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ท่านสึกแล้วนะ
เป็นรายที่ 8 ที่สึก ต้องดูว่า 11 ล้านบาทมาจากไหน เรื่องนี้สะเทือนวงการสงฆ์มั้ย?
พระมหาวัฒนา : นับแล้วน่าจะเกือบ 20 บอกไม่สะเทือนไม่ได้ มันสะเทือนรุนแรง ถ้าแผ่นดินไหวก็เป็นสิบๆ ริกเตอร์ เราไม่รู้จะอยู่กันยังไงแล้ว คณะสงฆ์ประชุมได้มติแนวทางในการจัดการเรื่องพระต้องอาบัติปาราชิก ผู้ถูกกล่าวหาต้องอาบัติปาราชิก มีแนวทางชัดเจน แต่ไม่รู้จะได้ระยะยาวมากน้อยแค่ไหน หากชาวพุทธรู้สึกเสื่อมศรัทธา เรื่องนี้ยังไม่จบ วัดชูจิตฯ ท่านก็ลาสิกขาแล้ว ก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แต่วัดอื่นไม่รู้ว่ายังไง ฝากคณะสงฆ์เร่งรัดหน่อย ไม่รู้ว่ามีอย่างอื่นตามมามั้ย
อยากให้เคลียร์เร็วๆ หน่อยก็ดี แล้วมาคิดกันว่าคณะสงฆ์ หรือพุทธศาสนิกชนที่เห็นความเสื่อมทรามจากศีลของพระภิกษุ มันควรปรับปรุงตรงไหน ควรมีกฎหมายมาเอาผิดตรงส่วนไหนบ้างมั้ย และต้องร่วมด้วยช่วยกันกับพุทธบริษัท4 นะ เดี๋ยวจะหาว่าเข้าข้างกันเอง มันไม่โอเคกับชาวพุทธทั่วไป อยากให้ทุกคนถอดบทเรียนให้ได้ว่าเราจะช่วยกันป้องปรามแก้ไขอนาคตที่เป็นปัญหาให้มันลุล่วงไปได้ด้วยดี ให้ชาวพุทธมีศรัทธากับพระพุทธศาสนาต่อไป
ตอนนี้พระเองยอมรับ และสึกแล้วที่วัดชูจิตฯ ท่านยืนยันว่าในช่วง 6-7 เดือนนี้ ใช้เงินของวัดไป 12 ล้านกว่า พี่บุญเชิดเครียดเลย?
บุญเชิด : เครียดครับ ไม่น่าเชื่อในตัวของท่าน ผมเคารพท่านมาโดยตลอด ท่านเป็นแกนหลักในการพัฒนาปริยัติสามัญ ท่านเป็นประธานใหญ่ของบอร์ด โอเคเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคล ก็อยากฝากถึงภิกษุสามเณร อยากให้ท่านมีกำลังใจ ยังกราบหัวใจชาวพุทธว่ายังรักและศรัทธาพระพุทธศาสนาอยู่ ก็อยากให้มันหมดไป อยากให้ออกมาให้หมดให้จบ พี่น้องจะได้รู้สึกสบายใจ
มีประเด็นหนึ่งที่ได้ยินมาบ่อยมาก คือเรื่องที่บอกว่าเวลามีพระปฏิบัติไม่ถูกไม่ควร ไม่อยากให้เป็นประเด็นข่าว เพราะจะยิ่งทำให้พุทธศาสนิกชนเสื่อมในศาสนาพุทธ แต่คนรุ่นใหม่ไม่ได้มองแบบนั้น คนรุ่นใหม่มองว่าต่อให้พระผิดก็จำเป็นต้องเอาพระออกมาจากจุดนั้นให้ได้ เพื่อให้ศาสนายังคงอยู่ แต่ถ้าปิดข่าว ก็จะมีการทำแบบนี้เรื่อยๆ พี่บุญเชิดมองยังไง?
บุญเชิด : ผมมองว่าโลกมันเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป ชาวพุทธไม่ได้มองส่วนที่ต้องมีพระเอาไว้ เขามองว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังมีเป็นแสนรูป ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเกิดความรู้สึกว่าต้องช่วยกันปิดเถอะ เราซึ่งได้ถวายงานของท่านได้กราบท่านมาโดยตลอด เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความรู้สึกที่ดี อย่างเราศรัทธาอยู่แล้ว แล้วท่านมาหลอก ก็ไม่ควรเป็นแบบนั้น ผมว่าความคิดของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไป ก็อยากให้แสดงตัวว่าท่านผิด
ล่าสุดพระเทพฯ ยื่นลาออกจากการเป็นเจ้าคณะ เข้าสู่ระบบการตรวจสอบความจริง หลังพบเชื่อมโยงสีกากอล์ฟ ท่านยอมรับว่าพลาด อ่อนต่อโลก หลงเชื่อใจ สีกากอล์ฟยืมเงินไปทำธุรกิจ เอ่ยอ้างพระชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ท่านเองเชื่อใจ เส้นเงินที่โอนให้สีกากอล์ฟ 12.8 ล้าน เป็นเงินวัดไม่เกิน 4 แสน?
บุญเชิด : จบ มีเงินวัดด้วย เหนื่อยนะถ้ามีเงินวัดด้วย ก็หนักเลยสำหรับท่าน เป็นการยักยอกเลยนะ
พระมหาวัฒนา : เอาเงินวัดไป โดยที่มันยืมก็ยืมไม่ได้อยู่แล้ว คราวก่อนที่มาออกรายการโหนกระแส สีกามีการอ้างอิงพระผู้หลักผู้ใหญ่ อ้างเป็นญาติ คนรู้จักสมเด็จท่านนั้นท่านนี้ ทำให้พระเกรงใจก็เลยให้ไป
กลับมาบวชใหม่ได้มั้ย?
จตุรงค์ : หลักฐานมาชัดขนาดนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว นิมนต์ไปแล้วก็ไปลับเลย
อาจารย์ซึมเลยนะ?
จตุรงค์ : ซึมสิ ธรรมยุตโดนก็เจ็บเป็นธรรมดา ที่โวยวายเพราะเป็นนิกายตัวเอง เราก็อยากให้นิกายเราผ่องใส
ทำไมสีกากอล์ฟคนเดียวถึงได้แผ่ขยายเรื่องราวเยอะมากเลยนะ?
จตุรงค์ : มีลางสังหรณ์ว่าไม่ได้มีแค่เส้นเงินหรอก ต้องเจออะไรอีกแหละ โดมิโนยัยกอล์ฟ บิ๊กเต่ามีอะไร ถึงทำให้พระยอมไปง่ายๆ
บุญเชิด : เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าคนเดียวทำไมเป็นโดมิโนขนาดนี้
สีกากอล์ฟส่งไลน์มาคุยกับพระมหาบ้างมั้ย?
พระมหาวัฒนา : ไม่มีหรอก (หัวเราะ) อาตมามองว่าการที่สีกากอล์ฟทำแบบนี้ ทำครั้งนึงแล้วทำครั้งต่อไปก็ง่ายขึ้น เหมือนฆ่าคน ครั้งแรกจะตัดสินใจยาก แต่พอทำชั่วครั้งนึงครั้งที่สองก็จะมีมาเรื่อยๆ นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าอาบัติปาราชิกให้ลาสิกขา เพราะถ้าอยู่ไปก็จะทำเรื่อยๆ เป็นความเสื่อมทางพุทธศาสนา
จตุรงค์ : ตอนแรกท่านบอกว่าจะสู้ไงวะ ท่านบอกผมว่าไม่มีอะไร จะลาออกมาเพื่อสู้คดี แล้วนี่อะไร
บุญเชิด : ท่านโทรมาปรึกษาเมื่อวาน ผมให้ความเห็นไปสองอย่าง หนึ่ง ท่านมีสองทางเลือก ลาออกจากทุกตำแหน่งที่มี สอง ให้สึก แต่ถ้าท่านมั่นใจ ท่านสู้ แสดงว่าท่านยอมพ่ายแพ้ต่อหลักฐานที่ปรากฏ
จตุรงค์ : แสดงว่าไม่มั่นใจแล้ว ความมั่นใจที่พูดเมื่อสองวันก่อนไม่มีแล้ว
บุญเชิด : ไม่มีแล้วครับ
สึกที่วัดชูจิตฯ เลย?
บุญเชิด : แสดงว่าเมื่อเช้าอาจอยู่มุมใดมุมหนึ่ง
จตุรงค์ : วัดท่านเหมาะสมกับการหลบมาก ป่าไม้ก็มี ตึกก็เยอะ
พระมหาวัฒนา : น่าสะเทือนใจ พระชั้นเทพที่ดีมาก
บุญเชิด : สึก 4 เทพแล้ว วัดตรี, วัดพระพุทธฉาย, วัดปากน้ำ, วัดชูจิตฯ
พี่บุญเชิดดูเครียดมาก?
บุญเชิด : เครียดครับ เราถวายงานมาโดยตลอด
จตุรงค์ : พี่ว่ามีจตุรเทพแล้วจะมีเบญจเทพมั้ย มีโอกาสมั้ย
บุญเชิด : ตอบยากครับ เราคุยกันด้วยเหตุผลนะ ไม่ได้บังคับท่าน
พระมหาวัฒนา : จริงๆ ก็มาแต่ตัว เป้าหมายแต่ละคนหวังตายในผ้าเหลือง แต่บางท่านอาจไปไม่ถึง
จตุรงค์ : เงิน 12 ล้านย่างเนื้อเลี้ยงพระได้เป็นแสนรูปสบายๆ
บุญเชิด : ควรให้ท่านไปตามต่อจากสีกาที่ยืมไป คืนท่านเถอะ ท่านจะได้ตั้งเนื้อตั้งตัว คืนท่านเถอะ
จตุรงค์ : เขามีอะไรอยู่ในมือ ทำไมถึงยอมให้ยืมขนาดนี้
บุญเชิด : น่าสนใจตรงนี้แหละ
อยู่ดีๆ ยืมด้วยเหตุผลอะไร?
พระมหาวัฒนา : ถ้ายืมเป็นล้านๆ ก็จะยาก แต่ถ้ายืมโดยมีบางอย่างแลกเปลี่ยน เราก็ไม่รู้นะ
สีกากอล์ฟ ขอคุยส่วนตัว ไม่ขอออกอากาศ ยอมรับว่ายืมจริงๆ 12.8 ล้าน เอาไปทำธุรกิจ คืนไปแล้ว 1 แสน เป็นการโอนให้ ท่านเมตตาให้ยืมเพราะท่านไว้ใจเห็นว่าเรารู้จักพระชั้นผู้ใหญ่เยอะ ยืมครั้งละ 4-5 แสน ท่านสึกก็เสียใจมาก ไม่ได้มีสัมพันธ์ใดๆ มีแต่ท่านเมตตา ส่วนพระวัดพิจิตรไม่ใช่พ่อของลูก?
บุญเชิด : เสียดายพระ บวชมานานมาก
บวชมา 45 ปี?
บุญเชิด : ถือว่าน้องทำลายพระดีๆ รูปนึง
จตุรงค์ : เรายืนยันว่าพระรูปใด หรืออดีตพระรูปใดมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถูกหลอกล่อ ล่อลวง ผมและทนายของผมยินดีให้ความช่วยเหลือ แต่ถ้าพวกท่านมาหลอกผม หวังผลอะไรบางอย่าง ผมก็จะแหกท่านคืนนะครับ ยินดีช่วย แต่ถ้าไม่มั่นใจในความบริสุทธิ์ไม่ต้องมา พิจารณาตัวเองไปได้เลย
ปัจจุบันนี้กฎหมายเมืองไทยไม่ได้มีข้อบัญญัติคดีอาญาเกี่ยวข้องกับสีกาเสพสมกับพระ บางคนสึกแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันก็มี สีกาไม่มีความผิด พระก็ไม่มีความผิดในทางโลก จะมีข้อบัญญัติกฎหมาย เห็นว่ายื่นไปแล้ว ต่อไปนี้เป็นไปได้มั้ย พระเสพสมกับสีกา พระติดคุก สีกามีอะไรกับพระ สีกาติดคุก?
บุญเชิด : ร่างกฎหมายดังกล่าวเราเรียกว่ามีการป้องและปราม ถ้าดูภาพรวมเอาไม่อยู่จริงๆ กฎหมายก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องและปราม เพราะพระก็จะโดนด้วย มีข้อนึงที่เป็นบทลงโทษว่าผู้ใดสมัครใจเสพเมถุนกับภิกษุสามเณร ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็จะโดนทั้งคู่
แค่ฉันบวบ โดนมั้ย?
บุญเชิด : มีข้อนึงใช้คำว่าทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความเสื่อมเสีย ข้อนี้ครอบคลุม และโดนทั้งหมด
ถ้าอ้างปลดปล่อย?
พระมหาวัฒนา : บวบปาราชิก ครอบคลุมหมดแหละ
บุญเชิด : ถ้าทำให้พระดีๆ เกิดความเสื่อมเสียก็คุกเลย กฎหมายฉบับนี้ป้องพระดี แก้ไขปัญหาขจัดพระเสีย
ผ่านมั้ย?
บุญเชิด : เพิ่งเริ่มก็มีข้อสังเกต เป็นเรื่องดีนะ เพิ่มตรงนี้ ลดตรงนี้ลงมา ชั้นต้นกฎหมายอาญา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกมาบังคับใครคนใดคนหนึ่ง
จตุรงค์ : ผมเชียร์นะครับ ตอนแรกคิดว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนไปหน่อย คนจะมีเซ็กซ์กัน ยุ่งอะไร เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานมนุษย์ แต่ผมคิดว่านาทีนี้ ผมใช้สิทธิมนุษยชนไม่ได้แล้ว เพราะผมเป็นคนเจ็บเอง ผมกับแพรรี่เคยรู้สึกว่าอย่าไปยุ่งเลย ให้ท่านรับกรรมของท่านเอง แต่ทีนี้บาปกรรมตามไม่ค่อยทัน ก็เลือกกฎหมายนี้แล้วกัน
บุญเชิด : กฎหมายฉบับนี้เขียนตัวใหญ่ๆ ไว้ตัวนึง คือทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งมันครอบคลุม
บวชแล้วต้องสละแล้ว ต้องละกิเลส?
พระมหาวัฒนา : เมื่อก่อนอาตมาก็ไม่เห็นด้วย มาเอาผิดพระในทางโลก เรื่องศีลของพระเป็นแนวทางสำหรับการหลุดพ้น ละเอียดกว่าของโยม ถ้าเอาอาญายัดเข้าไปด้วย บางเรื่องไม่ควรจะมี แต่ ณ ขณะนี้สถานการณ์ที่หลายเรื่องประดังประเดขึ้นมา แล้วเราเห็นภาพพระระดับนี้ถูกสีกาคนนึงไล่จัดการหมดเลย บางส่วนเราก็คิดว่ามันอาจจะดี
แต่ความเสียหายเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก บางท่านก็ถูกยืมเงิน หลักฐานที่โอนไปมันชี้ชัด ปฏิเสธก็ไม่พ้น ณ เวลานี้เราควรมีกฎหมายอาญาเข้าไปด้วย แต่ต้องพอเหมาะพอสมนะ ไม่ใช่หนักหนาสาหัสจนไม่มีใครอยากบวช อยากให้ซอฟต์หน่อยและเหมาะสม
บุญเชิด : พระดีๆ ไปหมดแล้ว และกลัวมากคือกลัวการเลียนแบบว่ามีอะไรกับพระสิ หาเงินได้ง่าย
ตอนนี้มีแล้วนะ รวมทั้งไม่ทำงานดีกว่า บวชดีกว่า เพราะพระรวย?
บุญเชิด : มันเกิดคำถามขึ้นมาเยอะแยะ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สำนักพุทธฯ เครียด ไม่เคยเจอวิกฤต นารีพิฆาต ข้องใจ ทำไมผู้หญิงคนเดียว เอี่ยวพระจำนวนมาก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th