คาดโทษ‘พศ.’ ตร.โวยอุ้มพระ ฝากขังสีกาฉาว
“สุชาติ” คาดโทษ "พศ." หย่อนยาน บี้ทำงานเชิงรุก ขีดเส้น 3 เดือน ประเมินผลงาน จ่อชง กม.เพิ่มบทลงโทษพระ-สีกาเสพเมถุน โทษหนักติดคุก 7 ปี “บิ๊กเต่า” ซัดสำนักพุทธฯ ซุกปัญหา ลุยเช็กประวัติพระ 3 แสนทั่วประเทศ ตร.เตรียมฝากขังผัดแรก "สีกากอล์ฟ" ด้านเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกดอดสึกแล้ว
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ พศ. โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ เข้ารับฟัง หลังเกิดประเด็นสีกากอล์ฟกับพระชั้นผู้ใหญ่
โดยนายสุชาติกล่าวว่า ยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ จึงอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด จากนั้นนายสุชาติแถลงภายหลังมอบนโยบายว่า วันนี้เป็นวิกฤตของพระพุทธศาสนา พศ.ต้องเร่งแก้ไขเรียกศรัทธาคืนจากประชาชน ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับวัดและเจ้าอาวาส ซึ่งเรายังไม่มีมาตรการควบคุมคือ เรื่องของทรัพย์สินและเรื่องสีกา จึงได้กำชับ โดยเฉพาะ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศ ต้องทำงานเชิงรุก เพราะตอนนี้ประชาชนได้ถามมาว่า มีบางวัด เจ้าอาวาสประพฤติมิชอบ ชาวบ้านรู้ แต่ทำไม พศ.ถึงไม่รู้ ได้คาดโทษไว้ว่า ในจังหวัดใดมีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมความประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ให้อยู่ในพระธรรมวินัย ประพฤติปฏิบัติชอบที่ดีได้ และมีความประพฤติฉาวโฉ่จนถึงขั้นปาราชิก คงจะต้องมีการกล่าวโทษหรือให้คะแนนกันว่ามีความสามารถหรือหย่อนประสิทธิภาพ ละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ทั้งนี้ ยังได้มอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของวัด ขอให้มีความโปร่งใส โดยนำระบบบิ๊กดาต้าเข้ามาควบคุมทรัพย์สินของวัดและเจ้าอาวาส ทำบัญชีของพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปแล้วเปิดเผยให้กับสาธารณชนได้รับรู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีทรัพย์สินเท่าไหร่ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต้องเป็นในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยเฉพาะสาธารณสมบัติกลาง ให้ประชาชนรับรู้ด้วย และต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงคือ วัดจะต้องมีเงินสดไม่เกิน 100,000 บาท โดยให้รายงานบัญชีมายัง พศ.ทุกปี ซึ่งตนเห็นว่าควรจะมีการรายงานทุกเดือนด้วยซ้ำไป จึงจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ มส. ทั้งนี้ ขอให้ พศ.ทำงานเชิงรุก ประสานงานไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าเรื่องการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของวัดจะต้องแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นายสุชาติกล่าวว่า มีประกาศออกมาแล้ว เรื่องบัญชีเงินฝาก ตอนนี้กำลังทำให้ทุกวัดเริ่มปฏิบัติตาม โดยห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท โดยจะให้ทาง พศ.เข้าไปตรวจสอบ 1 ต.ค.นี้ ยังไม่เข้าไปดำเนินการจะถือว่าผิดพระธรรมวินัย ต้องมีการลงโทษตามวินัยสงฆ์
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการอื่นหรือไม่ ที่จะมาดูแลและกู้วิกฤตศรัทธาคืนจากประชาชน นายสุชาติกล่าวว่า ทุกวันนี้พระทำผิด เสพเมถุน สีกาทำผิด ไม่มีบทลงโทษ จึงให้นโยบายไปว่า ให้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี พ.ศ.2505 เพิ่มบทลงโทษกับผู้ที่กระทำผิด โดยเฉพาะพวกที่เสพเมถุน จะต้องมีการลงโทษทั้งสีกาและพระ โดยจะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาและนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบหลักการ ซึ่งอาจจะต้องจำคุก 1-7 ปี ปรับตั้งแต่หลายหมื่นบาทถึงหลักแสน และนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
"อย่าเพิ่งกล่าวโทษ พศ.ว่าเละเทะ แค่ตอนนี้อาจจะหย่อนยานไปหน่อย วันนี้ผมได้มาให้นโยบายแล้ว ต่อไปต้องทำงานเชิงรุก ให้เวลา 2-3 เดือนแล้วค่อยมาดูผลงาน และ KPI กันใหม่ แต่หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ปฏิบัติ ก็แสดงว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบายและมีความหย่อนยาน" นายสุชาติระบุ
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ออกมาระบุ พศ.มีหลักฐานเยอะแต่ไม่ทำอะไร แถมช่วยเหลือพรรคพวก ที่ผ่านมาร่วมงานทุกครั้งล้มเหลวตลอดนั้น นายอินทพรชี้แจงว่า พศ.ได้ทำตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ซึ่งเรื่องพยานหลักฐานต้องรอทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ พศ.จะดำเนินการประสานกับ มส.เพื่อดำเนินการต่อ เราทำงานตามหน้าที่ ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกในการตัดสิน
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาฯ ว่า ขณะนี้มีข้อมูลร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนต้องเตรียมขยายคู่สายโทรศัพท์เป็น 10 สาย ที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับ พศ. มักจะไม่ราบรื่นและล่าช้า เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะปกปิดปัญหาและขาดความเข้มงวดกวดขัน ทำให้ตำรวจมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานร่วมกันได้หากปราศจากความจริงใจ ไม่อยากปล่อยไว้ให้กลายเป็นมะเร็งร้ายจนทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือ พศ. รวบรวมข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนของพระสงฆ์ทั้งกว่า 3 แสนรูป เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติว่าเคยมีการกระทำความผิดหรือไม่
พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดี น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ หรือสีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ว่าจากการสอบปากคำได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ซึ่งในวันที่ 17 ก.ค. ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบปากคำสีกากอล์ฟยอมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยคบหาหรือมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่หลายรูปตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ส่วนสาเหตุที่มักเลือกคบหากับพระชั้นผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีปมในอดีตจากการที่ถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก โดยพระชั้นผู้ใหญ่รูปแรกที่คบหาคือ อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2558 ในส่วนของการสืบสวนขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบมีบัญชีธนาคารส่วนตัว 2 บัญชี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีพระชั้นผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนทั่วไป โอนเงินเข้ามาเป็นเงินกว่า 385 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเหลือเงินติดบัญชีเพียงแค่ 8,000 บาทเท่านั้น
ที่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เขต 6 และ ป.ป.ป. ได้ร่วมกันเข้าตรวจทรัพย์สิน บัญชีเงินฝากธนาคาร ทรัพย์สินอื่นๆ ของเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ที่ตกเป็นข่าวพัวพันกับสีกากอล์ฟ
ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิษณุโลกรายงานว่า พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่มีข่าวพัวพันกับสีกากอล์ฟได้ลาสิกขาแล้ว และปรากฏตัวในชุดขาว โดยคาดว่าพิธีลาสิกขาเกิดขึ้นที่วัดสว่างอารมณ์ จ.ตาก ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของอดีตพระราชรัตนสุธี.