MINTกำไร Q2/68ทะลุ3พันล. ธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหารฟื้นตัวเด่น
#MINT #ทันหุ้น -บริษัท ไมเนอร์ อินเดอร์เนชั่นแนล จ่ากัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลประการที่แข็งแกร่งในไดรมาส 2 ปี 2568 แม้ยังคงเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐก็จมหภาคอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนถึงการดำเนินกลยุทธ์ระยะยาวอย่างมีวินัย และความแข็งแกร่งของพอร์ดการลงทุนทีหลากหลายทั่วโลกของบริษัทที่ช่วยเสริมสร้างความยึดหยุ่นให้กับธุรกิจในใดรมาส 2 ปี 2568 รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 43,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทืยบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนที่อัดราแลกเปลี่ยนคงที่ (ลดลงร้อยละ 3 หากรวมผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อสกุลเงินหลัก)การเดิบโดดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้งธรกิจโรงแรมและร้านอาหาร
โดยธุรกิจโรงแรมได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ด่านการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและมัลดีฟส์ ประกอบกับความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับ ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารยังคงเติบโดอย่างต่อเนื่องผ่านการพัฒนานวัดกรรมผลิตภัณฑ์และกิะกิจกรรมทางการดลาดที่หลากหลายภายใด้แบรนด์หลัก ซึ่งช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าและสนับสนุนการเดิบโดของยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ
กำไรจากการด่าเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (Core EBITDA) ในใดรมาส 2 ปี 2568 ที่อัดราแลกเปลี่ยนคงที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 12,542 ล้านบาท โดยการเดิบโดของกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคามาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมในยุโรปและมัลดีฟส์ ซึ่งมีการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัยและบริหารประสิทธิภาพการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิผลสามารถชดเชยผลกระทบจากความสามารถในการท่ากำไรที่ลดลงของธุรก็จร้านอาหาร โดยเฉพาะในจีนและออสเดรเลีย อย่างไรก็ดาม เมื่อรวมผลกระทบจากการแปลงค่าเงินแล้ว กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายภาษีและค่าเสื่อมราคาปรับตัวลดลงร้อยละ 5
บริษัทรายงานก่าไรจากการดำเนินงานที่ 3,411 ล้านบาทในใดรมาส 2 ปี 2568 คิดเป็นการเดิบโตร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อัดราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยต่อยอดจากฐานที่สูงในใดรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งการเดิบโดดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นของธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคที่กล่าวถึงก่อนหน้า เสริมด้วยความสามารถในการทำก่าไรที่เพิ่มขึ้นขึ้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากระดับหนี้สินและต้นทุนเงินทุนที่ด่าลง ดลอดจนการบริหารภาษีอย่างมีประสิทธิภาพของไมเนอร์ ฟัด ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลให้กำไรสทธิเพิ่มขึ้น โดยเมื่อรวมผลกระทบจากอัดราแลกเปลี่ยน กำไรจากการดำเนินงานเติบโดบโดร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อัดราแลกเปลี่ยนคงที่ เป็น 80,096 ล้านมาท จากผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีขึ้นของทั้งธรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคาอยู่ที่ 20,923 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 สอดคล้องกับการเติบโดของรายได้ ส่วนกำไรจากการดำเนินงานงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568พุ่งขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 3,461 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมผลกระทบจากอัดราแลกเปลี่ยน รายได้จากการดำเนินงานและ กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคาต่าต่างลดลงร้อยละ 3 ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานยังคงเติบโดที่ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หากนับรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวดามที่ระบไว้ในกาดผนวกและผลกระทบจากอัดราแลกเปลี่ยน บริษัทมีรายได้และกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและละค่าเสื่อมราคาตามที่รายงานในใครมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 43,765 ล้านบาท และ 12,283 ล้านบาท โดยลดลงร้อยละ 1 และร้อยละ 5 ตามล่าดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิดามที่รายงานอยู่ที่ 3,086 ลำนบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จาก 2,823 ล้านบาทในใตรมาส 2 2567 โดยกำไรดังกล่าวรวมผลขาดทนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากสัญญาอนพันพันธ์และสัญญาแลกเปลี่ยนเงินดราต่างประเทศของหันหันกู้ที่มีลักษณะคล้ายทน
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 25668 รายได้ดามที่รายงานของบริษัทลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 81,360 ล้านบาท จากผลกระทบของการแปลงค่าเงินจากการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคาและ กำไรสุทธิดามที่รายงานลดลงร้อยละ 8 และร้อยละ 12 ตามล่าดับ สาเหดุหลักมาจากการบันทึกกําไรจากการป้องกันความเสียงและสัญญาอนพันธ์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567(โดยเฉพาะในไดรมาสแรกของปี 2567) เทียบกับผลขาดทุนจากอัดราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งครั้งเดียวในช่วง 6เดือนแรกของปี 2568