“พาณิชย์”ชี้เป้าขายสินค้า-บริการตลาดเยอรมนี รับเศรษฐกิจฟื้นตัว
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เกาะติดการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนี พบปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 เดือนติด สะท้อนเศรษฐกิจเยอรมนีค่อย ๆ ฟื้นตัว และมีความต้องการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น ชี้เป้าวางแผนส่งออกสินค้าและบริการกลุ่มโลจิสติกส์ วัสดุก่อสร้างและเทคโนโลยีการก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และอาหารเพื่อสุขภาพไปขาย และควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้า เพื่อแนะนำสินค้าด้วย
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.จีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ถึงผลการติดตามการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ifo Business Climate Index) เดือนมิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88.4 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน สูงสุดนับตั้งแต่ ก.ค.2566 และผลที่เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นดังกล่าว ที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น และส่งผลให้ไทยมีโอกาสในการส่งออกสินค้าไปขายมากขึ้น
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นครอบคลุมหลายภาคธุรกิจ โดยภาคบริการ มีการฟื้นตัวเด่นชัดที่สุด โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ภาคก่อสร้าง ความเชื่อมั่นพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลกลางประกาศใช้อย่างเป็นรูปธรรม ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต บรรยากาศทางธุรกิจ มีสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยหลายบริษัทเริ่มมองอนาคตในเชิงบวกมากขึ้น แม้ว่าผลประกอบการในปัจจุบันจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และยอดคำสั่งซื้อยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก แต่โดยรวมแล้ว ทิศทางของภาคการผลิตของเยอรมนีกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัว และภาคการค้า ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างช้า ๆ จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นหลังอัตราเงินเฟ้อลดลงและต้นทุนสินค้าเริ่มมีเสถียรภาพ การค้าส่งอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น ในขณะที่การค้าปลีกชะลอตัวลงเล็กน้อย
น.ส.สุนันทากล่าวว่า จากแนวโน้มความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภาคธุรกิจ สะท้อนให้เห็นว่า เยอรมนีกำลังก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน และการมีมาตรการของรัฐบาล รวมไปถึงการลดดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้สร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อการลงทุนและผู้บริโภค ผู้ประกอบการไทยควรเร่งสร้างความร่วมมือทางการค้ากับพันธมิตรในเยอรมนี โดยเน้นเจาะตลาดในกลุ่มสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่กำลังฟื้นตัวในประเทศ เช่น โลจิสติกส์ , วัสดุก่อสร้างและเทคโนโลยีการก่อสร้าง , บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และอาหารเพื่อสุขภาพ โดยการมีคู่ค้าท้องถิ่นในเยอรมนีจะช่วยให้เข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่ายในยุโรปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรบูรณาการกิจกรรมส่งเสริมการค้าไปยังเมืองเศรษฐกิจหลักของเยอรมนี เช่น แฟรงก์เฟิร์ต (ด้านการเงินและโลจิสติกส์), ฮัมบูร์ก (เมืองท่าการค้าและพลังงาน), มิวนิก (ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรม), และ ดึสเซลดอร์ฟ (แหล่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์และออกแบบผลิตภัณฑ์) ซึ่งล้วนเป็นเมืองที่มีแนวโน้มเติบโตของอุตสาหกรรมสีเขียวและมีศักยภาพในการเป็นจุดเชื่อมต่อสู่ตลาดยุโรป
ขณะเดียวกัน จะต้องเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเฉพาะทางในเยอรมนี เพื่อช่วยสร้างเครือข่ายพันธมิตรและเพิ่มโอกาสในการพบผู้ซื้อโดยตรง ตัวอย่างงานแสดงสินค้าสำคัญ เช่น Anuga งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าอาหารไทยในตลาดยุโรป และงานแสดงเทคโนโลยีก่อสร้างและเครื่องจักรกลชั้นนำระดับโลก Bauma เหมาะสำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
“ในช่วงที่ภาคธุรกิจเยอรมันเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้ เพื่อเจาะตลาดใหม่ หรือขยายฐานการค้าเดิมในเยอรมนีและสหภาพยุโรป โดยอาศัยข้อได้เปรียบของไทยที่มีสินค้าเกษตร อาหาร บริการสุขภาพ และโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพและต้นทุนแข่งขันได้ โดยกลุ่มสินค้าศักยภาพ อาทิ สินค้า BCG Economy ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ ผลิตภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิล และสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาทิ อาหาร Plant-Based, เครื่องดื่มสมุนไพร, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และบริการแบบครบวงจรด้าน Fulfillment & Logistics สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในยุโรปที่กำลังเติบโต” น.ส.สุนันทากล่าว
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO