พาณิชย์ ออก 4 มาตรการช่วยผู้ประกอบการ เกษตรกร ชายแดนไทย-กัมพูชา
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ติดตามและเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเต็มที่
นายจตุพร ระบุว่า ได้สั่งการด่วนไปยังพาณิชย์จังหวัด ทั้ง 7 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา ให้เข้มงวดดูแลสินค้า “ห้ามขาด ห้ามแพง” เพื่อป้องกันการขาดแคลนและการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า พร้อมจัดหาสินค้าจำเป็นเข้าไปเสริมโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และผลักดันแนวทาง “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” เสริมความแข็งแกร่งเศรษฐกิจในประเทศ โดยได้ดำเนินการ 4 มาตรการหลัก ดังนี้
1. กำกับดูแลราคาและปริมาณสินค้า
กระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าในร้านค้าชายแดนและศูนย์พักพิงทุกจังหวัด พบว่าสินค้ายังเพียงพอและไม่มีการปรับขึ้นราคาเกินสมควร สำหรับสินค้าจำเป็นบางรายการ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ยาทา/สเปรย์กันยุง และผ้าอ้อมเด็ก/ผู้ใหญ่ ซึ่งมีความต้องการมากกว่าปกติในช่วงนี้ ก็ได้ประสานห้างร้านต่างๆ ให้เติมเต็มสินค้าและวางแผนบริหารจัดการสินค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบป้ายราคา เครื่องชั่ง และราคารับซื้อสินค้าเกษตรอย่างเข้มงวด รวมทั้งจัดงาน “ธงฟ้าราคาประหยัด” เพื่อลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนด้วย
2. เชื่อมโยงตลาดและจัดหาช่องทางการจำหน่ายสินค้า
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เชื่อมโยงระบายผลผลิตทางการเกษตร 19 ครั้ง ปริมาณเกือบ 79 ตัน มูลค่ากว่า 2.55 ล้านบาท และเปิดจุดจำหน่ายสินค้า 33 ครั้ง มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท อีกทั้งนำผู้ประกอบการเข้าร่วมมหกรรมการค้าชายแดน 5 ครั้ง สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการนำสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งผักผลไม้กว่า 600 ตัน ไปจำหน่ายในตลาดลาว เมียนมา มาเลเซีย และจีน ในขณะเดียวกันก็ได้จัดกิจกรรม “Thai Fruits Festival 2025” อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายผลผลิตผลไม้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น ปั๊มน้ำมัน สายการบิน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และผ่านบริการของไปรษณีย์ไทยฟรี
ขณะนี้สินค้าหรือผลผลิตตกค้างมีไม่มาก อย่างไรก็ดี ในเดือนสิงหาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการจำหน่ายสินค้า พร้อมนำผู้ประกอบการเข้าร่วมมหกรรมการค้าชายแดนที่จังหวัดสตูล ในวันที่ 7-10 สิงหาคม 2568
ในด้าน Logistics มีการประสานงานให้ข้อมูลผู้ประกอบการพิจารณาการขนส่งทางเลือก เพื่อหลีกเลี่ยงด่านชายแดนที่ปิดด่าน ทั้งการขนส่งทางเรือและผ่านทาง สปป.ลาว โดยในปัจจุบันมีสายเรือมาให้บริการขนส่งไปกัมพูชาเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าขนส่งทางเรือลดลงบ้าง อย่างไรก็ตาม ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการยังมีความกังวลความเสี่ยงจากการสู้รบ ทำให้มีการชะลอการซื้อขายไว้ก่อน
3. ส่งเสริมสินค้าไทยในกัมพูชาและตลาดทางเลือก
กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยในหลายรูปแบบตามสถานการณ์ เช่น การเจรจาจับคู่ธุรกิจผ่านทางช่องทางออนไลน์ การหารือกับเครือข่ายผู้นำเข้าสินค้า รวมทั้งห้างสรรพสินค้าต่างๆ และมีแผนงานแสดงสินค้าเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทยในกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็ผลักดันการหาตลาดใหม่ในประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนด้วย
4. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan)
กระทรวงพาณิชย์ได้ประสาน SME D Bank และ EXIM Bank เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้นำเข้าส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น การพักชำระหนี้ การเสริมทุนหมุนเวียน และให้เงินกู้ระยะยาว พร้อมสำรวจความต้องการสินเชื่อเพิ่มเติมและประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
“กระทรวงพาณิชย์ จะดูแลผู้ประกอบการ เกษตรกร และพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถค้าขายและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสม และพี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขและปลอดภัย ซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือประสานงานผ่านทางสายด่วน โทร. 1203 หรือติดต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ” นายจตุพร กล่าว