โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

SME ไทยอ่วม ดัชนีความเชื่อมั่นดิ่ง 5 กลุ่มอุตสาหกรรมกระทบหนัก

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับพายุลูกใหญ่หลายระลอก ทั้งจากการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จากสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบอาจทำให้การส่งออกหดตัว 30% และการลงทุนจากต่างประเทศลดลง 15% ส่งผลต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจในประเทศ, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กับกัมพูชาที่สุ่มเสี่ยงบานปลาย ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มีดิ่งเหวเกือบทุกภาคธุรกิจและภูมิภาค และอาจส่งผลให้ธุรกิจไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเพิ่มสภาพคล่องอย่างเร่งด่วน

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ประจำเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า ความเชื่อมั่นลดลงในเกือบทุกภูมิภาคและภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดย ภาคเหนือลดลง 2.0 จุด (เหลือ 51.2) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง 1.0 จุด (เหลือ 49.8) กรุงเทพฯ และปริมณฑลลดลง 0.1 จุด (เหลือ 49.8) ภาคกลางลดลง 1.3 จุด (เหลือ 49.8) และภาคใต้ลดลง 1.3 จุด (เหลือ 49.3) มีเพียงภาคตะวันออกที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.6 จุด (เป็น 49.8) ส่วนรายภาคธุรกิจ ลดลงทุกภาคธุรกิจ โดยภาคการค้าลดลง 0.9 จุด ภาคการบริการลดลง 0.2 จุด ภาคการผลิตลดลง 0.3 จุด และภาคธุรกิจเกษตรลดลง 0.9 จุด

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทย ในมุมมองของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จากการสำรวจของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า เอสเอ็มอีโดยรวม 56.7% มองว่าเศรษฐกิจ “แย่” (4.7%) และ “ค่อนข้างแย่” มีเพียง 0.5% ที่มองว่า “ดี” ในส่วนของวิสาหกิจรายย่อย 57.9% วิสาหกิจขนาดย่อม 51.9% และวิสหากิจขนาดกลาง 56.7% มองว่าเศรษฐกิจ “แย่” และ “ค่อนข้างแย่”

ในส่วนของภาคธุรกิจเกษตร 58.2% ภาคการค้า 60.4% ภาคการผลิต 61.4% และภาคบริการมองว่า 50.6% มองว่าเศรษฐกิจ “แย่” และ “ค่อนข้างแย่” เช่นกัน ข้อมูลเหล่านี้ชี้ชัดว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก และขาดความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ

นายแสงชัย กล่าวว่า 5 อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีที่ยังคงเผชิญกับความยากลำบากและมองไม่เห็นโอกาสในการเติบโตในระดับประเทศและพื้นที่ ได้แก่ กลุ่มร้านอาหารและภัตตาคาร, กลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ, กลุ่มผลิตภัณฑ์จากพลาสติก และกลุ่มผลิตเครื่องหอม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ

“เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ประเมินว่าปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ธุรกิจ “แย่” หรือ “ค่อนข้างแย่” มาจากค่าครองชีพสูง 12.9% ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง วัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น 12.2% เพิ่มภาระต้นทุนการผลิต ลูกค้าลดการใช้จ่าย 11.8% ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขาย รายได้จากต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัว 10.3% ภาคการส่งออกชะลอตัวและการท่องเที่ยวลดลง การลงทุนชะลอตัว 8.7% ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม นโยบายของภาครัฐไม่เอื้อต่อภาคธุรกิจ 7.9% ขาดมาตรการที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง การแข่งขันธุรกิจต่างชาติสูง 7.1% โดยเฉพาะจากคู่แข่งจีนที่ไทยพึ่งพาการนำเข้าสูงถึง 26%”

ทั้งนี้ภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ซ้ำเติมเอสเอ็มอี โดยเฉพาะภาคบริการและที่เกี่ยวข้อง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในปี 2567 อยู่ที่ 35.5 ล้านคน และมีแนวโน้มลดลงในปี 2568 ประมาณการที่ 32.3 ล้านคน ซึ่งลดลงจากปีก่อน 3.2 ล้านคน

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5.55 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ถึง 4.53 แสนคน โดยนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีใต้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียและรัสเซียเพิ่มขึ้นก็ตาม สาเหตุสำคัญมาจากภาพลักษณ์ความปลอดภัยของไทย ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาและเหตุการณ์แผ่นดินไหว คู่แข่งที่มีการแข่งขันสูงในการโปรโมทการท่องเที่ยว ค่าเงินบาทแข็งค่า และเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว

นายแสงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย พบว่า เอสเอ็มอี ราว 55% ประคองธุรกิจได้ไม่เกิน 6 เดือน หากยังไม่สามารถสร้างกำไรได้ แบ่งเป็น ประคองได้ไม่เกิน 1 เดือน 13%, ประคองได้ 1-3 เดือน 21.2% ,ประคองได้ 4-6 เดือน 20.9% และมีเพียง 8.3% เท่านั้นที่ประคองธุรกิจได้มากกว่า 1 ปี ตัวเลขนี้เป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ว่า จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอี อย่างเร่งด่วน

“ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กำลังเผชิญกับภาระต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 30.1% ของเอสเอ็มอี ระบุว่า ต้นทุนเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจาก วัตถุดิบแพงขึ้น 29.7,สาธารณูปโภคเพิ่ม 23.5%, ค่าขนส่ง โลจิสติกส์ 15.5% ,ค่าใช้จ่ายการตลาด 13.7%, ค่าเช่า 10.5% และค่าแรงสูงขึ้น 7.1%”

นายแสงชัยเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่สะสมมานาน ต้องอาศัยการปลุกพลังเอสเอ็มอี ปลุกพลังเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการขับเคลื่อนนโยบายและความต่อเนื่องในการปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 30ก.ค.ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

47 นาทีที่แล้ว

เปิด5ทำเลทองที่ดินเปล่าพุ่งสวนทางเศรษฐกิจ สมุทรปราการนำโด่ง โครงสร้างพื้นฐานขยาย

48 นาทีที่แล้ว

ภาษี 36%กับเหตุปะทะชายแดน เศรษฐกิจไทยบนเส้นด้ายของภูมิรัฐศาสตร์

49 นาทีที่แล้ว

SCC กำไร Q2/68 พุ่ง 368% แตะ 1.7 หมื่นล้าน รับกำไรปันผลลงทุน 1.5 หมื่นล้าน

51 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

‘บอร์ดอีวี’ ปรับสูตรผลิตชดเชย 1 คัน ต่อ 1.5 คัน หวังจูงใจผลิตส่งออก

อีจัน

ราคาทองคำวันนี้ (30 ก.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 6 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 200

AEC10NEWs

โรงงานไทย เปิดตัวลดลง 4 ปีติด ครึ่งแรกปี 68 หดตัว 33%

Positioningmag

Microsoft Edge เปิดตัว 'Copilot Mode' ยกระดับเบราว์เซอร์สู่ AI อัจฉริยะ

BT Beartai

SCC กำไร Q2/68 พุ่ง 368% อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้าน

Manager Online

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 30ก.ค.ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

ฐานเศรษฐกิจ

ภาษี 36%กับเหตุปะทะชายแดน เศรษฐกิจไทยบนเส้นด้ายของภูมิรัฐศาสตร์

ฐานเศรษฐกิจ

SCC กำไร Q2/68 พุ่ง 368% แตะ 1.7 หมื่นล้าน รับกำไรปันผลลงทุน 1.5 หมื่นล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...