SCC กำไร Q2/68 พุ่ง 368% แตะ 1.7 หมื่นล้าน รับกำไรปันผลลงทุน 1.5 หมื่นล้าน
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 บริษัทมีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง โดยมียอด EBITDA อยู่ที่ 17,431 ล้านบาท สะท้อนจากเงินปันผลรับตามฤดูกาลจากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนของธุรกิจซีเมนต์ แอนด์กรีนโซลูชันส์ รวมถึงธุรกิจแพคเกจจิ้ง
สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 EBITDA อยู่ที่ 30,320 ล้านบาท และ EBITDA from Operations อยู่ที่ 23,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 จากอานิสงส์การบริหารจัดการภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งเงินปันผลรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 8,086 ล้านบาท มีส่วนช่วยสนับสนุนให้กระแสเงินสดมีความมั่นคง
กำไรสำหรับงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อยู่ที่ 17,337 ล้านบาท ซึ่งรวมรายการพิเศษ 15,170 ล้านบาท โดยกำไรสำหรับงวดที่ไม่รวมรายการพิเศษสำหรับไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 2,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2568
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้ เป็นผลจากเงินปันผลรับตามฤดูกาลจากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์ แอนด์กรีนโซลูชันส์ รวมถึงธุรกิจแพคเกจจิ้ง โดยกำไรสำหรับงวดที่ไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว ยังไม่รวมผลการดำเนินงานของลองเซินปิโตรเคมิคอลส์ คอมเพล็กซ์ และไม่รวมผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือของเอสซีจีเคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) 913 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานของเอสซีจี มีกำไรอยู่ที่ 6,147 ล้านบาท
เอสซีจีเตรียมความพร้อมและกลยุทธ์สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568
เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในอาเซียน ใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานในอาเซียนจากทุกธุรกิจ
ธุรกิจเคมิคอลส์ เตรียมกลับมาดำเนินงานโรงงานลองเซินปิโตรเคมิคอลส์คอมเพล็กซ์ ที่ประเทศเวียดนาม (LSP) ซึ่งจะใช้เวลาเตรียมความพร้อมประมาณ 1-1.5 เดือน
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง: เร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ Gen2 และ Gen3 ต่อเนื่อง รวมถึงขยายปูนคาร์บอนต่ำในอาเซียน
ด้านการเงิน (Financials) ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดภาระหนี้ โดยในปี 2568 คาดว่างบประมาณรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการปรับลด เมื่อเทียบกับ 55,305 ล้านบาทในปี 2567 ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่า EBITDA ในปี 2568 จะยังอยู่ในระดับสูงจากการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านการดำเนินงาน (Operations) เน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value-Added) หรือ HVA และเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา (Smart Value Product)
สำหรับเงินปันผลระหว่างกาลของปี 2568 เมื่อพิจารณาจาก EBITDA ในช่วงครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับมั่นคง คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 ในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 92% ของกำไรสำหรับช่วงครึ่งปีแรกที่ไม่รวมรายการพิเศษ
โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 กำหนดวัน XD วันที่ 13 สิงหาคม 2568 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 14 สิงหาคม 2568