รายงานความมั่งคั่งและไลฟ์สไตล์จากทั่วโลกปี 2025: เจาะลึกเทรนด์เศรษฐีโลกและเอเชียแปซิฟิก
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์และจูเลียส แบร์ ได้เผยแพร่"รายงานความมั่งคั่งและไลฟ์สไตล์จากทั่วโลก ประจำปี 2025" ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs และ HNWIs) ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น
เอเชียแปซิฟิก: ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกและความมั่งคั่ง
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก แม้ GDP จะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปี 2567 มาอยู่ที่ 4.5% (จาก 5.1% ในปี 2566) แต่ก็ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 3.3% อย่างชัดเจน การเติบโตนี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้จำนวนผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชียพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% ต่อปี แตะระดับ 855,000 คนในปี 2567 โดยมีจีนและอินเดียเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะหนุนสัดส่วน HNWIs รายใหม่ทั่วโลกในเอเชียสูงถึง 47.5% ระหว่างปี 2568 ถึง 2571
กรุงเทพฯ ติดอันดับ 11 เมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก
รายงานเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสำหรับผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง โดย กรุงเทพฯ เลื่อนขึ้น 6 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 11 ของโลก กลายเป็นหนึ่งในมหานครที่แพงที่สุดสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น แฟชั่นและสินค้ายานยนต์
สำหรับเมืองอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิก สิงคโปร์ยังคงครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ฮ่องกงอยู่ในอันดับ 3 (ลดลงจากอันดับ 2) โตเกียวเลื่อนขึ้น 6 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 17 และเซี่ยงไฮ้ลดลงจากอันดับ 4 มาอยู่ที่อันดับ 6
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายและการลงทุน
ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มทั้งการใช้จ่ายและการลงทุน (39%) โดยมีการเพิ่มขึ้นของการลงทุนสูงที่สุดถึง 68% นอกจากนี้ ผู้ลงทุนในภูมิภาคนี้ยังให้ความสนใจการลงทุนในเทรนด์อนาคตหรือการลงทุนที่สอดคล้องกับค่านิยมของตนเองมากกว่าภูมิภาคอื่น หุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตามมาด้วยอสังหาริมทรัพย์และเงินสด ที่น่าสนใจคือ แม้หลายภูมิภาคทั่วโลกจะประสบกับภาวะ "ESG fatigue" หรือความอ่อนล้าจากการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล แต่ในเอเชียแปซิฟิกกลับสวนทางด้วยความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการลงทุนอย่างยั่งยืน
กระแส "Longevity" และการเปลี่ยนนิยามความหรูหรา
ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Longevity) เป็นอันดับต้น ๆ โดย 100% ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคนี้กำลังใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอายุขัย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ไปจนถึงการบำบัดด้วยยีนและไครโอจีนิกส์ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังวางแผนปรับกลยุทธ์การจัดการความมั่งคั่งเพื่อรองรับการมีอายุยืนยาวขึ้น และ 68% มีแผนการดูแลระยะยาว
รายงานยังยืนยันแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านจากการบริโภคสินค้าหรูไปสู่การเน้นประสบการณ์อันล้ำค่า ความต้องการสำหรับ Fine Dining, การท่องเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และประสบการณ์ที่ได้รับการคัดสรร ยังคงเติบโตได้ดี สะท้อนให้เห็นว่านิยามของ "ความหรูหรา" ได้เปลี่ยนไป โดยไม่ได้มองที่การครอบครองสิ่งของอีกต่อไป แต่หันมาให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์, ความเป็นอยู่ที่ดี (Wellbeing) และประสบการณ์ที่มีความหมาย
โอกาสและความท้าทายในอนาคต
ภูมิทัศน์ความมั่งคั่งในเอเชียกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นคาดว่าจะมีการเปลี่ยนมือของสินทรัพย์มูลค่ากว่า 5.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี 2566-2573 ซึ่งจะเร่งให้เกิดความต้องการใหม่ในรูปแบบการใช้ชีวิตและการใช้จ่าย เช่น การมุ่งเน้นด้านความยั่งยืน การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการให้ความสำคัญกับประสบการณ์เหนือกว่าการครอบครองสิ่งของ
SCB Julius Baer ในฐานะ Private Banking จากสวิตเซอร์แลนด์เพียงแห่งเดียวที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย พร้อมรับมือกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย ด้วยบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการลงทุนไปจนถึงการวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งสำหรับคนรุ่นต่อไป ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญสูง