เป้าหมายต่อไปของทรัมป์คว้ารางวัลโนเบล เป็นไปได้หรือไม่?
ตอนนี้เริ่มจะมีคนออกมาเสนอชื่อให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าชิงราลวัลโนเบลสาขาสันติภาพมากขึ้น ล่าสุด เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เสนอชื่อให้ทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เพราะมองว่าทรัมป์ช่วยให้เกิดสันติภาพและยับยั้งสงครามในตะวันออกกลาง และเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลปากีสถานก็เสนอชื่อให้ทรัมป์ชิงราลวัลโนเบลสาขาสันติภาพเหมือนกัน จากการที่ทรัมป์ช่วยเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้อินเดียกับปากีสถานหยุดการสู้รบกันในพื้นที่พิพาทแคชเมียร์ และมีการคาดการณ์ว่าต่อจากนี้ อาจจะมีผู้นำอีกหลายคน หรือคนมีชื่อเสียงอีกหลายคนที่ออกมาแสดงตัวสนับสนุนทรัมป์ให้ได้รางวัลโนเบลเพิ่มขึ้น ซึ่งหากทรัมป์ได้รางวัลโนเบลก็จะถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของทรัมป์ในฐานะบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณงามความดีต่อโลกใบนี้ แต่ทรัมป์มีโอกาสมากแค่ไหนที่จะได้รางวัลโนเบล
ในแต่ละปีจะมีการมอบรางวัลโนเบลทั้งสิ้น 6 รางวัล โดยแบ่งเป็นรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์, ฟิสิกส์, เคมี, วรรณกรรม, สันติภาพ, และรางวัลที่ระลึกถึงอัลเฟรด โนเบลในสาขาเศรษฐศาสตร์ โดยมีการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่ได้รับรางวัลว่าจะต้องเป็นบุคคลผู้สร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวงที่สุดต่อมนุษยชาติ ตรงนี้เป็นข้อกำหนดตามที่อัลเฟรด โนเบล ผู้ก่อตั้งรางวัลโนเบล ได้ระบุเอาไว้ และหากเราดูคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ "จะต้องเป็นบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์มากที่สุดหรือดีที่สุด เพื่อสร้างมิตรภาพระหว่างประเทศต่าง ๆ หรือเป็นผู้รณรงค์ให้ยกเลิกหรือลดระดับกองทัพที่ประจำการ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและให้ความร่วมมือกระบวนการเพื่อสันติภาพ” ซึ่งทุก ๆ คน ที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือหน่วยงานใด ๆ ก็ตาม สามารถเป็นผู้เข้าชิงรางวัลนี้ได้
หากดูจากคุณสมบัติตามนี้แล้ว แน่นอนว่าทรัมป์ก็มีสิทธิถูกเสนอชื่อเข้าชิง และก็มีโอกาสเป็นผู้ได้รับรางวัลเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาคนที่ได้รางวัลโนเบลก็มีความหลากหลาย มีหลายคาแรกเตอร์ ดังนั้นแล้ว การที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจจะมีทั้งคนรักและคนเกลียด มีเรื่องอื้อฉาวติดตัวหลายอย่าง ก็ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับการชิงรางวัลโนเบลซึ่งก็จะพิจารณาจากผลงานมากกว่า ว่าที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ทำอะไรให้เกิดสันติภาพในโลกนี้บ้าง
โดยจะมีคณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบล 5 คน ที่ได้รับเลือกจากรัฐสภาของนอร์เวย์ เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งในขั้นตอนก็จะคัดเลือกรายชื่อคนที่ถูกเสนอเข้ามาชิงรางวัลที่มีหลายร้อยคน ให้เหลือแค่ไม่กี่ชื่อ หลังจากนั้นก็จะมีการประชุม การประเมิน การเปรียบเทียบกันอย่างละเอียดว่าใครควรจะได้รับรางวัล โดยในขั้นตอนนี้ แม้จะมีผู้ตัดสินแค่ 5 คน แต่ก็มีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากหลายวงการ เพื่อให้การตัดสินมีความเที่ยงธรรมและยุติธรรมมากที่สุด โดยจะมีการคัดเลือกจนคณะกรรมการทั้ง 5 คน มีการลงความเห็นที่ตรงกันว่าใครสมควรได้รับรางวัล แต่หากยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ก็อาจจะต้องใช้วิธีโหวดเพื่อตัดสินว่าใครจะได้รางวัล
สำหรับโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รางวัลโนเบลหรือไม่ ก็ต้องดูว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทรัมป์มีผลงานอะไรบ้างในเรื่องสันติภาพ ซึ่งทรัมป์เองก็มีผลงานในเรื่องการยุติสงครามอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการยุติการสู้รบระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่พื้นที่พิพาทแคชเมียร์ การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน นี่ก็เป็นผลงานของทรัมป์ แล้วทรัมป์ยังคงเดินหน้าพยายามอย่างมากที่จะทำให้อิสราเอลกับกลุ่มฮามาสตกลงหยุดยิงกัน และเจรจาเพื่อที่จะผักดันไปสู่การทำข้อตกลงหยุดยิงแบบถาวร แล้วก็ยังมีเรื่องการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียกับยูเครนด้วย ซึ่งหากทรัมป์ทำให้อิสราเอลกับฮามาสหยุดยิงกันได้สำเร็จ และช่วยยุติสงครามในยูเครนได้ด้วย ถ้าทรัมป์ทำสำเร็จจริง ๆ โอกาสที่ทรัมป์จะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็เป็นไปได้สูง โดยเฉพาะการยุติสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมานานมาก และคนทั้งโลกก็กำลังรอคอยว่าเมื่อไรสงครามยูเครนจะยุติสักที ถ้าทรัมป์ทำได้จริง ก็จะมีแรงสนับสนุนที่ส่งให้เขาได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมากขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะเป็นตัวตัดสินว่าทรัมป์จะได้รางวัลโนเบลหรือไม่ นอกจากผลงานของทรัมป์เองแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ มีใครบ้าง ถ้ามีคู่แข่งที่มีคนเชียร์มากกว่า หรือมีผลงานมากกว่า โอกาสที่ทรัมป์จะได้รางวัลก็น้อยลง แต่ถ้าไม่มีคู่แข่งคนไหนที่ดูโดดเด่นเลย โอกาสที่ทรัมป์จะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ที่ผ่านมา มีประธานาธิบดีอเมริกา 4 คน ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมาแล้ว คือ ธีโอดอร์ รูสเวล, วูดโรว์ วิลสัน, จิมมี่ คาร์เตอร์ และบารัก โอบาม่า ถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รางวัลนี้อีกคนก็จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 5 ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และที่ผ่านมา ทรัมป์ก็เคยพูดตลอดว่าตัวเขาเองก็อยากได้รางวัลนี้เหมือนกัน นี่ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทรัมป์พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเจรจาให้เกิดการหยุดยิงและยุติสงคราม ทั้งในฉนวนกาซา และสงคามมยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง