ดาวเด่นฝ่ายค้านสู่คนข้างกายฮุนเซน! ธี โสวันทา ถูกปลดฟ้าผ่า หลังโพสต์พาดพิงกองทัพ
เกิดแรงสั่นสะเทือนในแวดวงการเมืองกัมพูชาอีกครั้ง เมื่อ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพล มีคำสั่งปลด ธี โสวันทา (Thy Sovantha) รองผู้ว่าราชการเมืองอาเร กษัต จังหวัดกันดาล ออกจากตำแหน่ง พร้อมถอดถอนจากราชการอย่างสิ้นเชิง หลังเธอโพสต์ข้อความพาดพิงกองทัพว่า ทหารจำนวนมากกำลังป่วยด้วยโรคเรื้อรังจากการดื่มแอลกอฮอล์
แม้จะเป็นเพียงข้อความเดียว แต่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นการบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพกัมพูชา ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มอำนาจเก่า จนกลายเป็นชนวนให้เธอถูกปลดฟ้าผ่า กลายเป็นประเด็นร้อนแรงทั้งในสื่อและโซเชียลกัมพูชา
ธี โสวันทา เกิดเมื่อ 11 เมษายน 1995 (พ.ศ. 2538) ในครอบครัวค้าขาย ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเวทีแสดงจุดยืนทางการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย เธอกลายเป็นกระบอกเสียงของคนรุ่นใหม่ในปี 2013 ผ่านแฮชแท็ก #ChangeCambodia วิจารณ์รัฐบาลของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) อย่างเผ็ดร้อน จนมีผู้ติดตามเฟซบุ๊กทะลุ 2.2 ล้านคนในวัยเพียง 18 ปี และถูกยกให้เป็นดาวเด่นของฝ่ายค้าน
ช่วงปลายปี 2016 เธอกลายเป็นข่าวฉาว เมื่อมีแชตหลุดออกมา กล่าวหาว่าเธออาจสมรู้ร่วมคิดกับ ฮุน มาเนต บุตรชายของสมเด็จฮุน เซน เพื่อเล่นงานผู้นำฝ่ายค้าน ข้อกล่าวหานี้พ่วงด้วยกระแสข่าวว่าเธอได้รับเงินสนับสนุนกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แม้ธี โสวันทาจะไม่เคยยอมรับข้อกล่าวหาเหล่านี้ แต่ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาฝ่ายค้านกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ ความเปลี่ยนผ่าน ในหมากการเมือง
หลังมรสุมใหญ่ เธอหันมาเคียงข้างรัฐบาลอย่างชัดเจน เริ่มทำงานเพื่อสังคม ทั้งจัดตั้งมูลนิธิ สนับสนุนทุนการศึกษา และก่อตั้งโรงพยาบาล อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมมวลชนสนับสนุนพรรครัฐบาล โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
ในปี 2017 เธอกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และก้าวสู่ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ จังหวัดกันดาล จังหวัดยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง
ปัจจุบันในวัย 30 ปี ธี โสวันทา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจาก International University ยังคงเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตาม 2.2 ล้านคน โดยเธอเลือกติดตามเพียง 2 คนเท่านั้น คือ สมเด็จฮุน เซน และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
การปลดแบบสายฟ้าแลบของธี โสวันทา ทำให้เกิดคำถามทั่วประเทศว่า แท้จริงแล้วเธอเป็น สายลับสองหน้า หรือเป็นเพียงหญิงสาวที่เปลี่ยนผ่านจุดยืนทางการเมืองตามยุคสมัย?
เรื่องราวของเธอสะท้อนให้เห็นว่า การเมืองกัมพูชาในยุคดิจิทัล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรรคพวกเพียงอย่างเดียว แต่อำนาจของโซเชียลมีเดียก็สามารถเปลี่ยนชีวิต และลิขิตอนาคตของคนหนึ่งคนได้อย่างเด็ดขาด