วันเกิด ‘ฮุนเซน’ 5 สิงหา : ย้อนประวัติผู้นำกัมพูชา ผู้เชี่ยวชาญด้าน ‘หักหลัง’ และ 'หลอกลวง'
ว่าด้วยวันเกิด…ของผู้ก่อความขัดแย้ง
5 สิงหาคมของทุกปี คือวันคล้ายวันเกิดของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน (Hun Sen) ชายผู้ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในกัมพูชาอย่างยาวนานถึง 38 ปี ชายผู้นี้ ไม่เพียงเป็นผู้นำ หากแต่เป็น “ผู้ชี้ทิศ” แห่งความขัดแย้ง แต่คือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการข่าวปลอม การรับบทเหยื่อ และการปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงจากประเทศไทยในเวทีโลก ในสถานการณ์ไทย–กัมพูชา ที่คุกรุ่นจนถึงขณะนี้ เขาคือศูนย์กลางทุกความร้อนระอุ
แต่บอกไว้ก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องราวของ “วีรบุรุษ” แต่คือบทเรียนของ “ผู้ที่กระหายอำนาจเหนือทุกอย่าง แม้ต้องเหยียบหัวคนอื่น”
รู้เขา รู้เรา…รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง — โอ๋จะเล่าให้ฟัง
1: เส้นทางการเมือง – หักหลังคือวิถี
ฮุน เซน หรือชื่อเดิมว่า “ฮุน นาน” เกิดในปี 1952 ที่จังหวัดกำปงจาม ในครอบครัวชาวนา พ่อเคยเป็นพระ แต่สึกออกมาเพื่อร่วมขบวนการปลดแอกกัมพูชาจากฝรั่งเศส วัยเด็กที่ยากลำบาก ทำให้เขามุ่งมั่นจะก้าวข้ามความจน ฮุน เซนจบการศึกษาจากโรงเรียนวัด และตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยการเข้าร่วมขบวนการ “เขมรแดง” ภายใต้การนำของ พล พต ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี
เมื่อเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญสำเร็จในปี 1975 เขาจึงได้เป็นผู้บัญชาการกองพัน แต่เมื่อไม่เห็นด้วยกับนโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่คร่าชีวิตประชาชนกว่า 2 ล้านคน ฮุน เซนจึงแปรพักตร์ ลี้ภัยไปยังเวียดนามในปี 1977 ที่นั่น เขาก่อตั้ง “แนวร่วมกู้ชาติกัมพูชา” และกลับมาโค่นล้มเขมรแดงได้สำเร็จในปี 1979
ด้วยวัยเพียง 26 ปี แต่เขาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและในปี 1985 เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยอายุเพียง 33 ปี
และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาเดินหน้าใช้ทุกวิธีการเพื่อรักษาอำนาจ…ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตใครก็ตาม
2: กำจัดศัตรู – ล้มประชาธิปไตย
ในปี 1993 พรรค “FUNCINPEC” ของเจ้าชายนโรดม รณฤทธิ์ สีหนุ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ฮุนเซนไม่ยอมรับผล พร้อมข่มขู่ว่าอาจเกิดสงครามกลางเมือง หากไม่จัดตั้งรัฐบาลผสม ทำให้กัมพูชามีนายกฯ 2 คนในคราวเดียวกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อาเซียน
แต่เพียงไม่นาน ฮุน เซนก็ตลบหลัง กระทำรัฐประหารในปี 1997 ก่อให้เกิดสงครามกลางกรุงพนมเปญ มีผู้ลี้ภัยกว่า 10,000 คน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรงข้ามถูกกำจัดอย่างโหดเหี้ยมเกือบร้อยราย เจ้าชายนโรดม สีหนุ จำต้องหนีออกนอกประเทศเพื่อเอาชีวิตรอด
เหตุการณ์ครั้งนั้นแม้จะทำให้ ฮุนเซน ได้ครองอำนาจเบ็ดเสร็จเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่มันก็ทำให้กัมพูชาถูกนานาชาติคว่ำบาตร เพราะความไร้มนุษยธรรม ปิดปาก กวาดล้าง สังหารผู้เห็นต่างอย่างเลือดเย็น ทั้ง สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ได้ระงับความช่วยเหลือ ตัดสิทธิทางการค้า เศรษฐกิจจึงทรุดหนัก ประชาชนเผชิญปัญหา สินค้าราคาแพง รัฐควบคุมสื่อ ปิดตาประชาชน ลดงบการศึกษา เพราะ “คนไม่รู้หนังสือ จะไม่ลุกขึ้นต่อต้าน”
3: ปกครองแบบเผด็จการ ผ่านประชาธิปไตยจอมปลอม
แม้กัมพูชาจะมีการเลือกตั้ง แต่พรรคตรงข้ามมัก “ไม่มีโอกาสได้แข่งขัน” ปี 2017 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค CNRP ด้วยข้อกล่าวหาว่า “กบฎ คิดล้มรัฐบาล” โดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด ประชาชนจึงเหลือเพียงพรรคเดียวให้เลือก คือ CPP ของฮุน เซน เกิดการลอบทำร้ายและสังหารคู่แข่งทางการเมือง นักข่าว และนักเคลื่อนไหว โดยหนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจที่สุดคือ
การลอบสังหาร “เขม เลย์” (Kem Ley) นักเคลื่อนไหวและผู้ร่วมก่อตั้งพรรค Grassroots Democracy เขาถูกยิงเสียชีวิตกลางร้านสะดวกซื้อในกรุงพนมเปญ มือปืนอ้างว่าเป็น “เรื่องหนี้ส่วนตัว” แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นการลอบสังหารที่มีแรงจูงใจทางการเมือง เพราะเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้งปี 2018 ไม่นาน
4: สร้างระบอบคตระกูลฮุน
ปี 2023 ฮุน เซน ส่งมอบตำแหน่งนายกฯ ให้บุตรชาย “ฮุน มาเนต” (Hun Manet) สานต่ออำนาจครอบครัว โดยไม่มีตัวเลือกอื่น ในขณะเดียวกัน รัฐบาลตระกูลฮุนได้แทรกตัวเข้าไปครอบครอง กิจการโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศ หันพึ่งทุนสีเทา ตั้งคาสิโน ฟอกเงิน เปิดพื้นที่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนกัมพูชาถูกมองว่าเป็น “ศูนย์กลางสแกมเมอร์ของอาเซียน” แต่จะสนทำไม ในเมื่อรัฐบาล (ภายใต้ตระกูลฮูน) ก็ได้รับท่อน้ำเลี้ยงชั้นดีจากธุรกิจเหล่านี้
5: ไทยคือ เหยื่อรับบาป = ปลุกชาตินิยมเพื่อคะแนนเสียงลูกชาย
ล่าสุด ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปลุกกระแสรักชาติในฝั่งกัมพูชา โดยสร้างข่าวปลอม จัดฉาก IO บิดเบือนข้อเท็จจริงในสายตาประชาคมโลก เพื่อสร้างความนิยมให้กับฮุน มาเนต แม้ต้องแลกด้วยชีวิตทหาร หรือพลเรือนไทย แต่หากได้คะแนนนิยมกลับคืนมา…ก็ถือว่าคุ้ม
ดังนั้น การปล่อยคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อหวังทำลาย ผงาดแทน ความเเค้นส่วนตัว หรือ เพื่อ ทำให้ประเทศไทยอ่อนแอ และหวังโจมตีนั้น เราไม่รู้แน่ชัดได้ถึง เจตนาอันเลวร้ายของชายผู้นี้ แต่จากประวัติของเขา เราคงจะบอกได้ว่าสำหรับชาวกัมพูชา 38 ปี แห่งการปกครองของฮุน เซน ไม่ใช่เพียงความยาวนานของอำนาจเบ็ดเสร็จแต่เพียงผู้เดียว ปิดโอกาสในการพัฒนาประเทศให้เติบโต หว่านเมล็ดแห่งการคอรัปชั่นให้ฝังรากลึก แต่คือ “การสร้างระบอบ” ที่กลืนทั้งรัฐ ทรัพยากร และประชาชน ให้ตกอยู่ใต้ตระกูลเดียวอย่างสมบูรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สรุปเหตุการณ์ “ลิซา ชิราร์ด” เดินทางไกลจากปารีส สู่การเสียชีวิตใกล้นครวัดของกัมพูชา
- กต.ปฏิเสธข้อกล่าวหา ไทยวางแผนลอบสังหาร “บุคคลระดับสูงกัมพูชา”
- กัมพูชาทอดทิ้ง "ศพทหาร" ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาแค่ไหน เข้าข่ายอาชญากรรมสงครามหรือไม่?
- JBC-GBC-RBC รู้จักกลไกทวิภาคี "ไทย-กัมพูชา" สำคัญต่อสถานการณ์ชายแดนอย่างไร?
- “ไทย” เตือนกัมพูชา หยุดบิดเบือนข้อเท็จจริงบนเวทีโลก