ทรู คอร์ปอเรชั่น โชว์กำไรต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติด! Q2/68 พลิกบวก 2 พันล้านบาท แม้รายได้และฐานลูกค้าโดยรวมจะลดลง
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรหลังหักภาษีประจำไตรมาส 2/2568 เป็นมูลค่ากว่า 2.0 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่ผลการดำเนินงานของบริษัทพลิกกลับมาทำกำไร โดยหากปรับปรุงรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท
ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานยังคงทรงตัวและสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่ทรูชนะการประมูลคลื่นความถี่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จะช่วยเพิ่มความสามารถของเครือข่ายเพื่อรองรับเทคโนโลยีในอนาคต และเร่งผลักดันบริการดิจิทัลใหม่ๆ ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม
ในไตรมาสที่ 2/2568 จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับตัวลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 47.5 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นผลจากความตั้งใจของบริษัทในการลดจำนวนผู้ใช้งานใหม่ที่มีการหมุนเวียนสูง (rotational gross adds) ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ฐานผู้ใช้บริการ 5G ยังคงเติบโต โดยมีจำนวน 14.7 ล้านเลขหมาย และผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.3% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 3.8 ล้านราย
นกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) กล่าวว่า รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.11 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.6% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราวที่ส่งผลกระทบต่อรายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ขณะที่รายได้รวมลดลง 2.9% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการ, รายได้ค่าเช่าโครงข่ายจากสัญญาคลื่น 850 MHz ที่จะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคมนี้ และยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลดลงตามฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ลดลงถึง 8.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ (Synergy), การปรับโครงสร้างองค์กร และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลงถึง 12.4% จากปีก่อนหน้า
สำหรับ EBITDA ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเล็กน้อย 1.2% จากไตรมาสก่อนหน้าจากผลกระทบด้านรายได้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ บริษัทสามารถปรับปรุง EBITDA ให้ดีขึ้นได้แล้วถึง 5.5 พันล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงมาอยู่ที่ 4.0 เท่า ซึ่งแสดงถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
จากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวยและผลกระทบจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้อง ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 2568 โดยคาดว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC และบริการโรมมิ่งกับ NT) จะทรงตัวถึงเติบโต 1% ขณะที่แนวโน้ม EBITDA คาดว่าจะเติบโต 7-8% ส่วนเงินลงทุน (CAPEX) ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท และยังคงเป้าหมายการมีกำไรตลอดทั้งปี 2568