มท.3-ภท.ฟัดเดือดเขากระโดง
"ภท." ไล่ฟัด "มท.1" จี้ตอบรอยโหว่งบฯ ดูแลภัยสงครามจังหวัดชายแดนเขมร ยกอุบลฯ เบิกไม่ถึงแสนดูแลชาวบ้านอพยพ หยันกล้ามาตอบ "กมธ.ปกครอง" ให้เหมือนกับที่เก่งกับ ขรก. อัดเละโยนภาระใส่เต็มบ่าท้องถิ่น ขณะที่ศึกเขากระโดงพ่นใส่เขาน้อย “เดชอิศม์-ศุภชัย” แลกกันคนละหมัด ยันที่ดินหลวงต้องเป็นของหลวงทุกตารางนิ้ว เจอสวนรอคนสั่งอธิบดีเพิกถอนติดคุก "เฉลิม" โผล่แล้วในรอบ 10 เดือน ด้าน “ฉลาด” ประเดิมชิงปิดประชุมหนีสภาล่ม
เมื่อวันพุธ ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จอประชาสัมพันธ์รอบอาคารรัฐสภาได้มีการเผยแพร่ภาพธงชาติไทย พร้อมข้อความ #TruthFromThailand เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดตามแนวชายแดนมาชี้แจงเรื่องการใช้งบประมาณสำรองฉุกเฉิน ทดรองจ่ายให้กับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จำนวน 100 ล้านบาท รวมถึงเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเข้าชี้แจงด้วย แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเข้าชี้แจงแทน นอกจากนี้ ยังมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ด้วย
นายกรวีร์ระบุว่า ขณะที่ รมช.มหาดไทยที่มาชี้แจงแทนตอบว่าสามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติ โดยมีการโฟนอินถึงผู้ว่าราชการ จ.อุบลราชธานี ยืนยันว่าสามารถเบิกจ่ายเงินได้ แต่การประชุม กมธ.เมื่อเช้านี้ พบว่าตัวเลขการเบิกจ่าย 3 จังหวัดมีการเบิกจ่ายเงินไปแล้วจริง จังหวัดศรีสะเกษ เบิกจ่ายแล้วจำนวน 46 ล้านบาท และใช้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 48 แห่ง จำนวน 22 ล้านบาท, จังหวัดสุรินทร์ เบิกจ่ายแล้วจำนวน 55 ล้านบาท และใช้เงินของ อปท. 173 แห่ง จำนวน 53 ล้านบาท
“และ จ.อุบลราชธานี รองผู้ว่าฯ ให้ข้อมูลว่าเบิกจ่ายไปแล้วจริงเพียง 55,000 บาท จึงกลายเป็นข้อสงสัยว่า ที่ผ่านมาประชาชนใน จ.อุบลราชธานีที่ได้รับผลกระทบอย่างมากอยู่กันได้อย่างไร ทั้งที่ รมช.มหาดไทยและผู้ว่าฯ ก็ยืนยันกลางสภาว่าสามารถเบิกจ่ายได้ ซึ่งผมเห็นว่าไม่ได้เป็นการโกหก แต่ก็ไม่ได้บอกจำนวนว่าเบิกจ่ายไปเท่าไหร่” นายกรวีร์ระบุ
นายกรวีร์ระบุว่า ส่วนเงินที่เหลือไปใช้เงินของ อปท.อีกจำนวน 6.6 ล้านบาท ซึ่ง กมธ.ได้ฝากรองผู้ว่าฯ จ.อุบลราชธานี รวมถึง จ.สุรินทร์และศรีสะเกษ ว่าเงินงบประมาณตรงนี้รัฐบาลมีความตั้งใจอนุมัติให้เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชน ขอให้มีการเบิกจ่ายเงินให้ไปถึงมือประชาชนในการดูแลผู้ได้รับผลกระทบ ด้วยความรวดเร็วและสามารถตรวจสอบได้ และเพื่อสามารถใช้จ่ายได้ตามความจำเป็น ไม่ใช่มัวแต่กอดระเบียบเอาไว้ หวงเงินเอาไว้ไม่ยอมใช้จ่าย
“คำถามคือทำไมเราถึงต้องให้ภาระในการดูแลพี่น้องประชาชนไปแบกไว้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แทนที่แต่ละจังหวัดจะมาเร่งเบิกจ่ายและใช้เงินที่ทางรัฐบาล จังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อไปดูแลพี่น้องประชาชนโดยที่ให้ไปกระทบกับเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นน้อยที่สุด” นายกรวีร์กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีโอกาสเรียกระดับรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนตัดสินใจมาใน กมธ.หรือไม่ นายกรวีร์ระบุว่า วันนี้ก็ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาชี้แจง 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยมาเลย
“อยากจะฝากไปถึงท่าน เวลาท่านเชิญผู้ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ใครไม่มาท่านบอกจะย้าย เวลา กมธ.ใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเชิญรัฐมนตรี ก็อยากจะให้รัฐมนตรีมาตอบ อยากให้กล้าเหมือนที่กล้ากับข้าราชการด้วย” นายกรวีร์กล่าว
เมื่อถามว่า การเบิกจ่ายอาจจะเป็นเรื่องการกังวลเกี่ยวกับข้อระเบียบหรือไม่ นายกรวีร์กล่าวว่า จังหวัดอื่นก็ใช้ระเบียบตัวเดียวกัน เช่น จ.สุรินทร์ รองผู้ว่าฯ ก็ชี้แจงว่าเบิกจ่ายได้ และเบิกจ่ายไปแล้ว 50-60 ล้านบาท ซึ่งมีรายการที่จะต้องเบิกจ่าย เพราะพี่น้องประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพ ตนรู้สึกแปลกใจว่าจังหวัดอื่นไม่มีปัญหา ตนจึงอยากฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่าหากทำไม่ได้ก็จะหาคนอื่นมาทำ ตนจะรอดูว่าจะทำได้หรือไม่
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย พาดพิงถึงญาติของนายเดชอิศม์คดีบุกรุกโบราณสถานหัวเขาแดง จ.สงขลา ว่า การที่ญาติพี่น้องไปกระทำความผิดเราต้องไปรับผิดด้วยหรือ พี่กระทำความผิดตนต้องไปรับผิดด้วยหรือ หากยกตัวอย่างง่ายๆ หากพ่อของคุณศุภชัยไปบุกรุกเขากระโดงแล้วโดนศาลตัดสินจำคุก ถามว่าคุณศุภชัยต้องไปรับโทษด้วยไหม ก็ไม่ต้อง ฉะนั้นจึงอยากให้นายศุภชัยตั้งหลักคิดให้ดี
“อย่าเอามาปนเปกัน ที่สำคัญวันนี้ญาติผมบุกรุกโบราณสถาน ไม่ใช่หัวเขาแดง แต่เป็นเขาน้อย ตอนนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์และฎีกา จึงไม่แน่ใจว่าการที่นายศุภชัยมาพูดเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เอาอย่างนี้ดีไหม เราขนคนที่เป็นผู้ต้องหาระหว่างเขากระโดง เขาน้อย มาที่วัดพระแก้ว มาสาบานร่วมกันว่ายอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกา" นายเดชอิศม์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีเขากระโดง มีขั้นตอนของการพิจารณาเป็นอย่างไร นายเดชอิศม์ระบุว่า เป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่ต้องเพิกถอน น่าจะต้องรออธิบดีคนใหม่มาเพิกถอนโฉนดที่ดิน ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้นโยบายไว้ชัดเจน ว่าที่ดินหลวงต้องเป็นของหลวงเท่านั้นทุกตารางนิ้ว เพราะฉะนั้นต้องทำให้เร็วที่สุด และต้องทำทั่วประเทศ ไม่ใช่ที่นี่ที่เดียว ย้ำว่าที่ดินของหลวงต้องเอากลับมาเป็นของหลวงให้หมด และต้องไม่ยืดเยื้อกว่านี้ ประชาชนทั้งประเทศรอคอยมานาน
เมื่อถามเรื่องค่าชดเชยและเยียวยาชาวบ้านที่อยู่บริเวณเขากระโดงนั้น นายเดชอิศม์กล่าวว่า ก็ต้องไปดูเรื่องความผิด แต่เท่าที่ดูไม่เหมือนเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีการทำมาเป็นทอดๆ แต่เขากระโดงมีทอดเดียว คือคนที่บุกรุกและมาทำโฉนดเลย การที่จะฟ้องเอาผิด ไม่รู้จะฟ้องเอาผิดกับใคร ส่วนถ้ามีการขายต่อเจ้าที่ 2 และ 3 ไปก็ต้องดูว่าความผิดตกอยู่ที่ใคร ส่วนที่ที่มีการก่อสร้างก็ถือว่าเป็นการบุกรุก
เมื่อถามถึงที่ของการรถไฟฯ ซึ่งถูกสร้างเป็นสนามแข่งรถ นายเดชอิศม์กล่าวว่า กรมที่ดินมีหน้าที่เอากลับไปให้การรถไฟฯ ส่วนหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของการรถไฟฯ ว่าจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายศุภชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่นายเดชอิศม์กล่าวพาดพิงช่วงหนึ่งด้วยว่า เรื่องเขากระโดงไม่มีใครบุกรุกไม่มีใครติดคุก เพราะอยู่ในพื้นที่เขากระโดง เพราะเขามีโฉนด มีเอกสารสิทธิ เขากระโดงไม่มีใครตกเป็นผู้ต้องหา แต่จะมีคนติดคุกเพราะสั่งให้อธิบดีเพิกถอนโฉนด เอกสารสิทธิที่เขากระโดง รอดู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงหารือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ามารับฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยเดินไปนั่งบริเวณหลังห้องประชุม จากนั้นก็มี สส.พรรคเพื่อไทยเข้ามาทักทายเป็นจำนวนมาก ภายหลังจากที่นั่งอยู่ในห้องได้ประมาณ 20 นาที ร.ต.อ.เฉลิมได้ลุกออกจากห้องประชุมและเดินทางกลับทันที
ขณะที่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง วาระ 2-3 ภายหลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีเนื้อหา 165 มาตรา และสมาชิกขอแปรญัตติกว่า 70 มาตรา ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ขอร้องสมาชิกอยู่ในห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องมีการลงมติรายมาตราบ่อยครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เข้าสู่มาตรา 63 ก็ยังเกิดปัญหาเรื่ององค์ประชุมขึ้นมาอีก ทำให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทันทีว่า ถ้าองค์ประชุมล่มก็ดี จะได้เปิดเผยชื่อว่าใครไม่อยู่ในห้องประชุม จะเปิดเผยชื่อผ่านสื่อ ใครไม่แสดงตน ประชาชนจะได้ทราบพวกขี้เกียจสันหลังยาว ทั้งที่ประชาชนต้องจ่ายเงินเดือนเดือนละเป็นแสน แต่ไม่ทำหน้าที่ สมัยหน้าจะได้ไม่ต้องไปเลือกกลับเข้ามา หากปิดประชุมแล้วจะขอรายชื่อคนที่ไม่อยู่ในห้องประชุมมาแถลงข่าวให้คนทั้งประเทศรู้
ส่วนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นสนับสนุนนายวิสุทธิ์ให้เปิดเผยชื่อคนที่ไม่แสดงตน ทั้งนี้หากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบองค์ประชุมคงจะล่มตั้งแต่เที่ยงแล้ว
หลังจากที่บรรยากาศในที่ประชุมทำท่าจะวุ่นวายขึ้น ในที่สุดนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งถือเป็นวันแรกที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 17.13 น.