สราวุธผงาดตีตกสุธรรม สว.ไฟเขียว‘ณรงค์’กกต.
สว.ไฟเขียว “สราวุธ” ผงาดนั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และปัดตก “สุธรรม” พร้อมเห็นชอบ "ณรงค์" นั่ง “กกต.” ขณะที่ "นันทนา" และ สว.เสียงข้างน้อยประท้วงวุ่นแต่ไม่เป็นผล ชี้เป็นยุคปิดหูปิดตา ขณะที่ กกต.เปิดคำวินิจฉัยลงดาบ “หมอเกศ” ใช้ “ศาสตราจารย์” ลวงสมัคร สว. ด้านตัวสำรองจี้ กกต.เร่งจัดการคดีฮั้ว
เวลา 09.45 น. วันที่ 22 ก.ค.2568 ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 6 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่ ศาสตราจารย์ ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ ศาสตราจารย์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางรางและอดีตอธิบดีกรมทางหลวง ซึ่งเปิดโอกาสให้อภิปรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งฯ ในส่วนแรก
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้อภิปรายว่า เพื่อการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และเพื่อความสง่างามของวุฒิสภาแห่งนี้ สว.ทั้งหลายควรยุติการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวของกับคดีฮั้ว สว. แม้ตนและ สว.อิสระอีก 67 คนจะไม่ได้เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ สว.อิสระทั้งหมดก็ยินดีที่จะสละเอกสิทธิ์ พร้อมย้ำว่า ไม่ได้พูดซ้ำซากวกวนเรื่องการชะลอ เพียงแต่กล่าวถึงหลักการและเหตุผลของการลงมติ
น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. อภิปรายว่า การเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 2 คน ได้ข่าวว่ามีการบอกว่าให้เลือกคนหนึ่งและไม่เลือกอีกคน ซึ่งมันก็แปลกๆ และตนก็ไม่เชื่อ ทั้งนี้การเลือกผู้คนถือเป็นดิจิทัลซิกเนเจอร์ จะจดจำไว้ตลอดกาลนาน ทำอะไรไปวันนี้ ย่อมถูกตรวจสอบ ทั้งนี้ตนมองว่า สว.ควรมีหิริโอตตัปปะ แต่หากใครไม่มีขอให้ไปเติม ที่ผ่านมาพระยังละเมิดศีล ปฏิบัติไม่ถูกต้อง หาก สว.พลาดไปบ้าง เป็นปกติ ขอให้พิจารณาถ่องแท้
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้น เนื่องจากมี สว.หลายคนลุกขึ้นประท้วง พร้อมขอให้ประธานวินิจฉัย ซึ่ง พล.อ.เกรียงไกรได้ปรามว่า ขอให้อยู่ในกรอบการลงมติ และต่อมาได้มีการดำเนินการประชุมลับ
กระทั่งเวลา 11.38 น. เปิดประชุมวุฒิสภาอีกครั้ง โดยนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธาน ผลปรากฏว่า สำหรับศาสตราจารย์ ร.ต.อ.สุธรรม จากจำนวนสมาชิก 189 เสียง เห็นด้วย 39 เสียง ไม่เห็นด้วย 118 เสียง งดออกเสียง 30 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมไม่เห็นด้วยให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ นายสราวุธ จากจำนวนสมาชิก 189 เสียง เห็นด้วย 143 เสียง ไม่เห็นด้วย 17 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นด้วยให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
จากนั้นนายบุญส่งทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา และภายหลังการประชุมลับ พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งฯ เข้าสู่วาระให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คือ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โดยเป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ หรือ 100 คะแนนขึ้นไป
นายบุญส่งจึงได้ถามมติที่ประชุมว่า จะให้ความเห็นชอบนายณรงค์บุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 187 เสียง เห็นชอบ 165 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 20 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง
ต่อมา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงคัดค้านวาระให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และวาระให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าช่วงเวลาแห่งการปิดหูปิดตาประชาชนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
"แม้ถูกปิดหู ปิดตา ปิดปากในสภา แต่ขอบอกกับประชาชนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ และไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น จึงขอให้ประชาชนพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอฟ้องประชาชนค่ะ" น.ส.นันทนาทิ้งท้าย
ด้านเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. รวม 13 หน้า ที่มีมติเมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ตาม (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ น.ส.เกศกมล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (4) กรณีใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ในการยื่นสมัครและแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
โดยมีสาระสำคัญว่า กกต.มีมติให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ "หมอเกศ" กรณีใช้คุณสมบัติอันเป็นเท็จในการสมัคร สว., คำวินิจฉัยระบุว่าการใช้คำนำหน้าชื่อว่า "ศาสตราจารย์" ถือเป็นการหลอกลวงเพื่อให้เข้าใจผิดในคุณสมบัติ เนื่องจากไม่เคยได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายไทย, กกต.จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และสำหรับข้อกล่าวหาเรื่องวุฒิปริญญาเอกจากต่างประเทศ กกต.ได้ยกคำร้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว นำคณะ สว.สำรองจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เรียกร้องให้เร่งดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. หลังจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ชุดที่ 26 ที่ประกอบด้วยผู้แทน กกต. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบเสร็จสิ้นและส่งสำนวนถึง กกต.แล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ กกต.เร่งรัดพิจารณาและทำสำนวนส่งศาลฎีกาโดยเร็ว
ขณะที่ นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง กล่าวว่า ผ่านไป 1 ปีแล้ว ประชาชนก็เป็นห่วงว่า กกต.ทั้ง 6 ท่านจะเจอมนตร์ดำเขมร เจอเวทมนตร์ เจอไสยศาสตร์ ปิดหู ปิดตา ผ่านมาปี 1 มองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนในคดีนี้เลย เราจึงมาส่งสารถึง กกต.ทั้ง 6 ท่าน ว่าเรามาช่วยกันหาคนผิด หาคนที่พยายามดึงเรื่อง ประวิงเวลา เตะถ่วง ดึงสำนวน เพื่อไม่ให้สำนวนส่งถึงมือ กกต.ทั้ง 6 ท่าน เราต้องหาวิธีจับเอาคนพวกนี้มาติดคุกให้ได้
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยื่นบัญชีพยานเพิ่มภายใน 15 วัน ในคดีแทรกแซงรับคดีฮั้ว สว.เข้าสู่คดีพิเศษ ว่าจะมีส่งรายชื่อหรือพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมหรือแตกต่างจากครั้งก่อนหรือไม่ ว่ายังไม่ได้รับหนังสือ และสอบถามไปที่ทำงานก็ยังไม่มีหนังสือส่งมา ส่วนตัวไม่ทราบว่าจะมีหนังสือจากศาลรัฐธรรมนูญส่งมาถึงตนหรือไม่ แต่ตนคาดว่าอาจจะมีหนังสือไปถึงบุคคลที่จะมีชื่อเป็นพยานโดยไม่ผ่านตนเอง.