รัฐฯตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 69 ที่ 2.8 ล้านล้าน สู่ New Thailand
รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าหมายสร้างรายได้รวม 2.8 ล้านล้านบาทในปี 2569
ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% จากปีปัจจุบัน เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของ "The New Thailand" ที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและผู้ประกอบการยังคงเฝ้าระวัง "ปัจจัยเสี่ยง" ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางเช่นเดียวกับที่เผชิญในปี 2568
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แถลงภาพรวมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2568 โดยมีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมนำเสนอทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2569 ซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ
งานนี้ได้รับเกียรติจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะกรรมการ ททท. ผู้บริหาร และภาคเอกชน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายสรวงศ์กล่าวว่า แม้ปี 2568 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเผชิญความท้าทายหลายประการ แต่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม โดยตั้งแต่ต้นปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 18.08 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.40 ล้านล้านบาท รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวในฐานะกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก จึงได้อนุมัติงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวกว่า 4,518 ล้านบาท เพื่อเดินหน้า 22 โครงการหลัก พร้อมผลักดันแนวคิด 5 New Paradigm ได้แก่
- New Customer
- New Product
- New Partnerships
- New Marketing Strategy
- New Key Performance Indicator
โดยมุ่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวในทุกมิติ ทั้งการยกระดับความปลอดภัย พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งท่องเที่ยว Hidden Gems สู่มาตรฐานสากล ร่วมมือกับ GSTC เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเปิดประตูสู่โอกาสทางเศรษฐกิจด้วย Sport Tourism Events ควบคู่ไปกับการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก
"Value is the New Volume": กลยุทธ์สู่ "The New Thailand"
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ปี 2569 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนกระบวนทัศน์การท่องเที่ยวไทยสู่ "The New Thailand" โดยยึดหลัก "Value is the New Volume" ที่เน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ ผ่านแนวคิดหลัก "Stay Focus" พร้อมจุดเน้น 4 ประการ: ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่ "การท่องเที่ยวคุณภาพ", ปรับสมดุลด้วย "การกระจายโอกาสสู่ท้องถิ่น", สร้างแรงดึงดูดใหม่ด้วยการออกแบบประสบการณ์ที่ตรงใจนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม, และจับมือทุกภาคส่วนมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน ควบคู่กับการเร่งสร้างความเชื่อมั่น เผยแพร่ Soft Power และจัดการสมดุลส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศ 58% และตลาดในประเทศ 42% โดยมีหัวใจของความสำเร็จอยู่ที่ "คุณค่าและประสบการณ์" ที่นักท่องเที่ยวได้รับ และ "ความพึงพอใจ" ของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความสมดุลทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีรายได้ทางการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก
กลยุทธ์เจาะตลาดต่างประเทศและในประเทศ
สำหรับตลาดต่างประเทศ ททท. จะทำการตลาดเชิงรุกใน 2 มิติหลัก:
มิติกลุ่มตลาด (Market Segment) ที่มีศักยภาพสูง เช่น Millennials, Gen Z, Luxury, และ Health & Wellness
มิติกลุ่มพื้นที่ (Market Areas) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
- กลุ่ม Priority: ตลาดหลักอย่างจีนและฮ่องกง จะมุ่งสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย พร้อมขยายสู่เมืองท่องเที่ยวใหม่ ส่วนตลาดระยะใกล้ เช่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จะสร้างภาพจำใหม่ ขยายตลาด Segment ใหม่ควบคู่กับการกระตุ้นฐานตลาดเดิม ตลาดระยะใกล้ที่เติบโตดีอย่างอินเดีย ญี่ปุ่น จะเน้นเจาะกลุ่ม Quality Leisure และตลาดระยะไกลที่เติบโตดี เช่น รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี จะมุ่งเจาะกลุ่ม High Value สร้าง New Million Market
- กลุ่มตลาดขนาดกลาง-เล็ก: ตลาดระยะใกล้ เช่น ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จะกระตุ้นและขยายตลาดใหม่ทั้งในเชิง Segment และพื้นที่ ส่วนตลาดระยะไกล เช่น ออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย อิตาลี สเปน จะเร่งสร้างภาพไทยในฐานะ "Green Destination" และ Long Stay Paradise
- กลุ่ม High Value Market: ตลาดตะวันออกกลางศักยภาพสูง จะนำเสนอ Premium Leisure และ Health & Wellness พร้อมรักษาการเติบโตของอิสราเอล รวมถึงทำ Airline Focus เพิ่มที่นั่งและความถี่เที่ยวบิน
ขณะที่ตลาดในประเทศ "ไทยเที่ยวไทย" ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่แข็งแกร่งและนำพาสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน ททท. จะใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงพื้นที่ (Area-Based Marketing) ผสมผสานกับการออกแบบสินค้าและบริการเชิงประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายศักยภาพ เช่น Millennials, High End/Ultra Wealth และ Multi-Generation Family
โดยนำเสนอกิจกรรม Exclusive Experience ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก กระตุ้นความถี่ในการเดินทางในกลุ่มจังหวัดเมืองหลัก-น่าเที่ยวตลอดทั้งปี ด้วยการเจาะตลาด Health and Wellness และส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภาคด้วยสินค้าบริการที่นำเสนอเสน่ห์ไทยและเพิ่ม Event Marketing นอกจากนี้ยังคงมุ่งส่งเสริมเมืองน่าเที่ยวด้วยสินค้าและบริการตามอัตลักษณ์พื้นที่
รวมถึงร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและ อพท. ส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO 3 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย เพชรบุรี และสุพรรณบุรี และต่อยอดความสำเร็จ "Grand Moment" ผ่านแนวคิดหลัก 3 โมเมนต์ ที่เชื่อมโยงอารมณ์ ความทรงจำ และความมหัศจรรย์ของการเดินทาง
สร้างแรงบันดาลใจด้วย "Unforgettable Experience" และ Highlight Products ปี 2569
ททท. เตรียมสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติภายใต้แบรนด์ "Amazing Thailand" ผ่านแนวคิดหลัก "Unforgettable Experience – ประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม" สำหรับตลาดต่างประเทศ จะสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น "จุดหมายปลายทางแห่งประสบการณ์ที่เปี่ยมคุณค่าและยั่งยืน" ด้วย key message "Healing is the New Luxury" สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะดินแดนแห่งการเยียวยา ส่วนตลาดในประเทศ จะต่อยอดแคมเปญ "สุขทันที ที่เที่ยวไทย" ด้วยแนวคิด "Change Unknown to Unforgettable" ชวนคนไทยออกไปเที่ยวเมืองไทย สร้างโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเก็บเกี่ยวเป็นความทรงจำที่ดี
Highlight Products ของปี 2569 จะเน้น Creative Products Focus ที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ ได้แก่:
สินค้ากลุ่มแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ: UNSEEN Destination – Unforgettable Experience
สินค้ากลุ่มสุขภาพ: Wellness และ Meditation
สินค้ากลุ่มมูเตลู ศรัทธา และความเชื่อ
สินค้าตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่: เช่น เส้นทางคนโสด เส้นทาง LGBTQ เส้นทางตามรอย Series หนัง-ละคร และภาพยนตร์
สินค้ากลุ่ม Arts & Craft Fashion, Sport Tourism, Night Tourism, และ Thailand Soft Power สู่ 5 Must Do in Thailand
นอกจากนี้ ยังมี Transportation & Connectivity Focus โดยร่วมกับสายการบินพันธมิตรขยายเครือข่ายความเชื่อมโยงทางการบิน ทั้ง Commercial Flight และ Charter Flight การจัดทำเส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางบก ทางน้ำ (เรือยอช์ต เรือสำราญ) ทางอากาศ (Private Jet, Helicopter) และทางราง (รถไฟ Kiha, Royal Blossom, STR Prestige, Blue Jasmin) และ Thailand Standard Focus
สร้างเครือข่ายและผลักดันการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่มาตรฐานยั่งยืนในระดับสากล ผ่านโครงการ Thailand Tourism Awards (TTA), CF Hotels, STGs STAR, Sustainable Product Prototype ภายใต้ Krabi Prototype พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นผ่านโครงการ Trusted Thailand (Safe Travel Stamp) เพื่อการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน
อีเวนต์ระดับโลกและท้องถิ่น: แม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว
ททท. จะเติมเต็มประสบการณ์ด้วยอีเวนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งเทศกาล ประเพณี และกิจกรรมระดับนานาชาติ เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยมี World Events ได้แก่ Maha Loy Krathong จ.สุโขทัย, VIJIT Chao Phraya, Amazing Thailand Marathon 2025, Amazing Thailand Countdown, และ Maha Songkran World Water Festival
รวมถึงปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของTOMORROWLAND THAILAND 2026 ครั้งแรกในเอเชียในเดือนธันวาคม 2569 นอกจากนี้ยังมี International Events อาทิ SEA GAMES Sport & Tourism, ไหว้ครูมวยไทยโลก, เทศกาลตรุษจีน, เทศกาลดนตรีนานาชาติ Rolling Loud Thailand, Wonderfruit, และ Big Mountain Music Festival รวมถึงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา Thailand Marathon และฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์, กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Thailand Illumination, International Balloon Fiesta, เทศกาลพลุพัทยา และ Amazing Thailand Grand Diwali 2025
พร้อมกันนี้ จะเดินหน้าส่งเสริมยกระดับเทศกาลและประเพณีท้องถิ่นที่มีศักยภาพ สู่ International หรือ World Events ระดับโลก โดยมี 3 บิ๊กอีเวนต์สำคัญ ได้แก่ ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม, ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี, และประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จ.นครพนม
ททท. เชื่อมั่นว่า ปี 2569 จะเป็นปีแห่งความตั้งใจของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในการยกระดับ ปรับสมดุล และเดินหน้าสู่คุณภาพอย่างแท้จริง เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน สะท้อนความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยที่จะก้าวข้ามจากการเป็นเพียง "จุดหมายปลายทางที่น่าเที่ยว" สู่การเป็น "จุดหมายปลายทางที่ทรงคุณค่า" ในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม บนเส้นทางแห่งความยั่งยืนที่มั่นคงยิ่งขึ้น ภายใต้พลังความร่วมมือที่แข็งแกร่งกว่าที่เคย