“เมืองฝูโจว” มณฑลฝูเจี้ยนเดินหน้าพัฒนาเมืองควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเมืองกับการอนุรักษ์ต้นไทรโบราณมาหลายทศวรรษ โดยสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม
ฝูโจวถูกเรียกอีกชื่อคือ "หรงเฉิง" แปลว่า “นครแห่งต้นไทร” ชื่อนี้มีที่มานานกว่า 900 ปี นับตั้งแต่ยุคราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ. 960–1127) ซึ่งขณะนั้นเมืองเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมและอากาศร้อนจัด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เจิ้งปั๋วอวี่ ขุนนางในยุคนั้นจึงผลักดันแนวคิด “เมืองสีเขียว” ออกนโยบายให้ทุกครัวเรือนปลูกต้นไทร ทำให้ต้นไทรกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองจนถึงปัจจุบัน
ต้นไทรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองตั้งอยู่ในสวนป่าแห่งชาติฝูโจว (Fuzhou National Forest Park) เชื่อกันว่าเป็นต้นที่ปลูกตั้งแต่ยุคของเจิ้งปั๋วอวี่ จึงมีอายุราว 960 ปี ต้นไม้นี้สูงประมาณ 20 เมตร ลำต้นกว้างถึง 10 เมตร และพุ่มใบมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 1,330 ตารางเมตร มีร่มเงาที่สามารถรองรับผู้คนได้ถึง 1,000 คน
เมืองฝูโจวมีต้นไม้ริม 2 ฝั่งถนนสายหลักมากกว่า 130,000 ต้น โดยในจำนวนนี้มีต้นไทรมากกว่า 30,000 ต้น ในการพัฒนาเมืองทุกครั้ง ทางการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ต้นไทร เช่น ในการสร้างสถานีรถไฟ เจ้าหน้า ที่ปรับแบบ เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดหรือย้ายต้นไม้
ต้นไทรยังมีบทบาทเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเมือง โดยเฉพาะในย่านซานฟางชีเซียง (Sanfang Qixiang) ซึ่งเป็นชุมชนโบราณจากยุคราชวงศ์จิน (Jin Dynasty, ค.ศ. 265–420) มีการอนุรักษ์ต้นไทรต้นหนึ่งซึ่งมียอดทรงพุ่มเป็นรูปหัวใจ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
เมืองฝูโจวยังมีแผนพัฒนาพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง โดยมีทางเดินสีเขียวระยะทางกว่า 1,395 กิโลเมตร และมีสวนสาธารณะกว่า 1,500 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง โดยมีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ราว 16 ตารางเมตรต่อคน
คลิปข่าวจากภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG)