โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

นี่คือเหตุผลที่'หลินจือ'จึงเป็นสวรรค์บนดินแห่ง'เขตปกครองตนเองซีจั้ง'

The Better

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE BETTER

ปี 2025 คือปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีการก่อตั้ง 'เขตปกครองตนเองซีจั้ง' ประจวบเหมาะกับที่ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว The Better ได้รับเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยผ่านมายังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ให้ร่วมเดินทางไปยัง 'ซีจั้ง' ร่วมกับคณะผู้สื่อข่าวและนักวิชาการจากนานาประเทศ เพื่อสำรวจภูมิทัศน์ ความเป็นอยู่ การพัฒนา และการสืบสานวัฒนธรรมของผู้คนในดินแดนนี้

'ซีจั้ง' (西藏) หรือ 'เขตปกครองตนเองซีจั้ง' (西藏自治区) ก็คือชื่อที่ใช้อย่างเป็นทางการของ 'ทิเบต' และเป็นชื่อที่เรียกกันในประเทศจีนอยู่แล้ว แต่คนภายนอกมักเรียก 'ซีจั้ง' ว่า 'ทิเบต' โดยที่ชื่อหลังไม่ได้สะท้อนประวัติศาสตร์และความเป็นมาของดินแดนนี้ ตรงกันข้ามมันสะท้อนถึงการกำหนดเขตแดนโดยชาติอาณานิคมตะวันตกมากกว่า ดังนั้น ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทางการจีนจึงใช้ชื่อ Xizang Autonomous Region (XAR) ในเอกสารทางการมากขึ้น และแนะนำให้สื่อต่างประเทศได้ใช้ชื่อนี้ด้วย

คนไทยหลายคนคงเคยเดินทางไป 'ซีจั้ง' หรือ'ทิเบต' มาแล้ว แต่น้อยคนที่จะได้เดินทางข้ามภูมิภาคและได้เห็นภูมิทัศน์ของดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ ซึ่งเราได้มีโอกาสนั้น และยังได้มีโอกาสเข้าถึงความเป็นอยู่ของผู้คนในดินแดนอันไกลโพ้นแห่งนี้ด้วย

เราเริ่มการเดินทางจากนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน เพื่อเดินทางไปยัง 'เมืองหลินจือ' (林芝市) หรือ 'ญิงชิ' ในภาษาซีจั้ง เป็น 1 ใน 7 เขตปกครองย่อยของซีจั้ง โดยทางตะวันออกติดกับ 'เมืองลาซา' (拉萨市) และทางทิศใต้ติดกับ 'จั้งหนาน' (藏南) หรือทิเบตตอนใต้ หรือรัฐอรุณาจัลประเทศของอินเดีย

แม้ว่าหลินจือจะเป็น 'เมือง' แต่เป็นเมืองในแบบการปกครองระดับจังหวัดของจีน (地級市) อันเป็นเขตปกครองขนาดใหญ่เกือบเท่าภาคอีสานของไทย คือ 114,215 ตารางกิโลเมตร

เนื่องจากติดกับ 'จั้งหนาน' ดังนั้นสภาพภูมิประเทศและพืชพรรณรวมถึงวัฒนธรรมจึงคล้ายกัน และยิ่งคล้ายกับ 'เขตวัฒนธรรมแบบทิเบต' (Tibetan cultural sphere) ทางตอนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'ภูฏาน' ทั้งสภาพบ้านเรือนและชนกลุ่มน้อย

เมื่อคณะของเราเดินทางมาถึง สิ่งแรกที่ 'เดนิส' ผู้เชี่ยวชาญด้านทิเบตศึกษาแห่งสถาบันตะวันออกไกลศึกษาแห่งมอสโกเอ่ยขึ้นมาก็คือ "สนามบินที่นี่ดูเหมือนที่ทิมพู" เมืองหลวงของภูฏาน

ใช่ สนามบินของเมืองหลินจือตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงเขตหิมาลัยที่ปกคลุมด้วยป่าสน ให้ความรู้สึกตื่นตะลึงเมื่อเทคออฟและแบนดิ้ง ด้วยภูมิทัศน์ที่น่ามหัศจรรย์และน่าพรั่นพรึงในเวลาเดียวกัน

แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือการสร้างสาธารณูปโภคระดับนี้ในที่อันห่างไกลราวกับดินแดนแชงกรีลาในตำนาน ซึ่งไม่เพียงแค่สนามบินจะทันสมัย แต่ถนนเชื่อมต่อระหว่างสนามบินกับตัวเมืองที่ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม ไม่มีแม้แต่หลุมบ่อและอะไรก็ตามที่ทำให้รถสั่นสะเทือนตลอดการเดินทางบนเส้นทางนั้น

แน่นอนว่า ภาพทิวทัศน์ก็ตระการตาแม้ว่ายอดเขาจะถูกคลุมด้วยมวลเมฆอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เรามองไม่เห็นภูเขาหิมะอันลือชื่อก็ตาม แต่ก็นั่นแหล่ะ นี่คือฤดูร้อนที่ชื้นแฉะแต่ก็เย็นกำลังดี สำหรับเราหลายคนที่มาจากไทย ศรีลังกา และอินเดีย นี่คือสภาพอากาศอันวิเศษสำหรับการมาเยือน 'หลังคาโลก' ที่สภาพอากาศจะโหดร้ายรุนแรงหากหนาวเกินไป

ฤดูกาลที่ทำให้ที่สวยเหมือนแดนสวรรค์ คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งดอกไม้สีชมพูจะบานสะพรั่งไปทั่วหุบเขา ประดับยอดเขาหิมะสีขาวโพลนและท้องฟ้าที่ฟ้าครามสด บางแห่งมีทะเลสาบสีมรกตกับเทือกเขาหิมะสูงตระหง่านเหมือนสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย ไม่น่าแปลกใจที่ทีมงานชาวซีจั้งจะบอกกับเราว่าที่นี่คือส่วนที่สวยงามที่สุดของเขตซีจั้ง

ตัวเมืองเอกของหลินจือ หรือ 'เขตปาอี๋' (巴宜区) ยิ่งทำให้เราทึ่ง ถนนหนทางและการวางผังเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย โรงแรมระดับหลายดาว ร้านอาหารที่หลากหลาย บ้านเรือนที่ได้มาตรฐาน มีแม้กระทั่งสนามกีฬาขนาดใหญ่ และสะพานอันยาวเหยียดที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำ 'ยาลุง ชังโป' หรือแม่น้ำพรหมบุตร อันกว้างใหญ่ไพศาลและเป็นเส้นเลือดสำคัญของพี่น้องเอเชียใต้

ลองจินตนาการดูว่าสภาพของหลินจือนั้นเหมือนกับมีใครยกเอาเมืองใหญ่ๆ มาตั้งไว้ในหุบเขาท่ามกลางภูเขาที่สูงกว่าดอยอินทนนท์หลายลูดที่ล้อมไว้ทุกด้านและป่าสนที่เขีวชอุ่มมองเห็นยอดเขาหิมะอยู่ลิบๆ - ราวกับเมืองลับแลที่ศิวิไลซ์ในท่ามกลางป่าดงนั่นเอง

แต่ความทันสมัยของเมืองหลักของหลินจือไม่ใช่สิ่งที่เราจะมาชม เพราะมันดูด้วยตาก็รู้แล้ว แต่ยังมีบางแง่มุมที่เราควรจะรู้ด้วย นั่นคือ แล้วชีวิตของผู้คนที่อยู่นอกเมืองใหญ่ของหลินจือล่ะ พวกเขามีกินมีใช้กันหรือไม่? หรือว่ายังอยู่กันตามยถ่กรรมในป่าดงกันเหมือนสมัยบรรพบุรุษ?

โปรดทราบว่า เพราะความทุรกันดารของซีจั้ง ทำให้ที่นี่เป็นดินแดนแห่งท้ายๆ ที่ทางการจีนสามารถฉุดช่วยผู้คนให้หลุดพ้นจากความยากจนได้

นอกจากความยากจนที่เลวร้ายแล้ว ซีจั้งยังเคยอยู่ภายใต้การปกครองของ 'ระบอบศักดินา' ซึ่งชนชั้นปกครองเป็นผู้ครอบครองที่ดินและเรียกเก็บภาษีและผลผลิตของประชาชนที่ยากจนอย่างมากอยู่แล้ว โดยที่ประชาชนเหล่านั้นมีสถานะเป็นแค่ 'ทาสติดที่ดิน'

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ปลดปล่อยซีจั้งจากการปกครองของระบอบศักดินา จึงเรียกการปลดปล่อยนี้ว่า 'การปฏิรูปประชาธิปไตยในซีจั้ง' หรือการคืนอำนาจการกำหนดชะตาชีวิตให้ประชาชนนั่นเอง ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1959 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ เพราะถือเป็นจุดสิ้นสุดของระบบสังคมที่ประชากรจำนวนมากต้องตกอยู่ภายใต้การใช้แรงงานบังคับและต้องดำรงชีวิตในสภาพที่เลวร้าย และในปี 2009 สภานิติบัญญัติในซีจั้งได้กำหนดให้วันที่ 28 มีนาคมเป็น 'วันปลดปล่อยทาสติดที่ดิน'

และปีนี้คือปีที่ 66 ของการฉลอง 'วันปลดปล่อยทาสติดที่ดิน'

แต่การปลดปล่อยทาสติดที่ดินเป็นแค่จุดเริ่มของกระบวนการยกระดับคุณภาพชีวิตที่กินเวลายาวนานหลายสิบปี ต้องอาศัยการชักจูง โน้มน้าวให้ผู้คนเปลี่ยนวิถีชีวิตดั้งเดิมซึ่งมีส่วนทำให้พวกเขาติดอยู่กับความยากจน

วันนั้น เราจึงไปเยี่ยมเยือนประชาชนครอบครัวหนึ่งในหลินจือ พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยที่เรียกว่าชาวเหมินปา หรือ มอนปา

ในหลินจือปีประชากรถาวรทั้งหมดมีจำนวน 238,900 คน โดยชาวจั้ง (หรือชาวทิเบต คิดเป็นร้อยละ 74 ชาวฮั่นคิดเป็นร้อยละ 17 ชาวมอนปาคิดเป็นร้อยละ 5 นอกจากนี้ยังมีชาวโลปา ชาวเชียง และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ อีกด้วย

หากคิดจะดูคุณภาพชีวิตที่แท้จริง ให้ไปดูที่ชีวิตของชนกลุ่มน้อย ดังนั้น เราจึงได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมชมบ้านของชาวมอนปา ที่หมู่บ้านสาธิตระเบียบการปกครองซีกาเหมินปา (西嗄门巴法治建设示范村)

หมู่บ้านซีกาเหมินปาเป็นหมู่บ้านที่ถูกย้ายมา เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ย่ำแย่และห่างไกล ทำให้ทางการโยกย้ายประชาชนกว่า 140 คนจาก 40 ครัวเรือนในตำบลกานเดน เขตเมดก มาที่นี่ในเดือนมิถุนายน 2003 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใกล้เมืองใหญ่ซึ่งสามารถหางานประจำแบบคนสมัยใหม่ได้ แต่ก็มีระยะที่ไกลพอที่จะประกอบอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีดั้งเดิมได้

เราได้ไปเยือนบ้านของชาวมอนปาคนหนึ่งในวัย 42 ปี ซึ่งบ้านสองชั้นในสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น แวดล้อมด้วยหมู่ต้นเชอร์รี่ที่กำลังให้ผลแดงสด การตกแต่งภายในมีทั้งแบบสมัยนิยมและแบบขนบธรรมเนียมดั้งเดิม นับว่าสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขาละทิ้งธรรมเนียมของบรรพบุรุษ

เขาให้การต้อนรับเราด้วยผลเชอร์รี่สดๆ หวานฉ่ำ ขนมนมแข็ง นมผสมเนยอันเป็นเครื่องดื่มของคนในเขตวัฒนธรรมซีจั้ง และ 'มันฮ่อ' หรือ วอลนัท ของขึ้นชื่อของเมืองหลินจือ เป็นโต๊ะรับแขกที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของชีวิตคนที่นี่

ในห้องรับแขกแบบวัฒนธรรมมอนปา เราเริ่มสนทนาถึงเจ้าบ้านและรองนายกเทศมนตรีถึงที่มาที่ไปของชุมชนนี้และชีวิตความเป็นอยู่ของเขา

เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกเดิมของหมู่บ้านหมู่บ้านเมดกที่ย้ายมายังหมู่บ้านซีกาเมื่อปี 2003 ในโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้พ้นจากความยากจน

เพราะระยะทางจากหมู่บ้านเดิมมายังหมู่บ้านปัจจุบันต้องใช้เวลานานเดินทางนานถึง 5 วัน และที่หมู่บ้านเดิมไม่มีการขนส่งและการศึกษาแบบที่พวกเขาได้รับในทุกวันนี้

หากใครไม่เคยเห็นความกว้างใหญ่และไกลแสนไกลของซีจั้งด้วยตัวเองแล้ว คงจะจินตนาการไม่ออกว่าการเดินเท้าถึง 5 วันมันยาวนานแค่ไหน แต่เราบอกได้ว่า แม้แต่ที่หลินจือที่แวดล้อมด้วยป่าสนอันงดงามและภูเขาหิมะเหมือนสวรรค์ ยังมีชุมชมตามซอกเขาและซุกซ่อนในดงดิบ ชมนเหล่านี้อยู่ไกลความเจริญอย่างมาก ซึ่งหมายถึงไกลจากการศึกษา การพยาบาล และโอกาสในการยกระดับชีวิต

ดังนั้นแม้จะอยู่กลางป่าเขาที่สวยงามเหมือน 'กานเดน' หรือสวรรค์ชั้นดุสิต แต่มันก็อาจเป็นนรกบนดินได้เหมือนกันสำหรับคนที่อยู่อย่างยากจนข้นแค้น เข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของชีวิต

รัฐบาลจึงริเริ่มโครงการดังกล่าวเพื่อช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ อีกทั้ง รัฐบาลยังต้องการอนุรักษ์ผืนป่าใหญ่ที่เพื่อเป็นอุทยานแห่งชาติ

เจ้าบ้านชาวมอนปาคนนี้เคยอยู่บ้านที่ยากจนบนภูเขาเทียบไม่ได้กับบ้านหลังปัจจุบันที่ประดับประดาอย่างสวยงาม เขาเคยต้องอาศัยการเดินเท้าบนถนนที่ไม่ได้ราดยาง ซึ่งต่างจากปัจจุบัน ที่ถนนหนทางในเขตแห่งนี้มีการพัฒนาอย่างที่ประเทศอื่นๆ เทียบไม่ติด

ทางรัฐบาลได้สอบถามความเห็นของประชนก่อนว่าอยากจะโยกย้ายถิ่นฐานหรือไม่ และพาพวกเขามาเยี่ยมชมถิ่นฐานใหม่ เจ้าบ้านชาวมอนปาเล่าว่าหลังจากได้เห็นความสะดวกสะบายของที่นี่แล้ว ชาวบ้านทั้งหมดเต็มใจย้ายมาที่ใหม่

เช่นเดียวกับตัวเขาก็สมัครใจย้ายมาอยู่ที่นี่ ละทิ้งอาชีพเดิมเป็นนายพราน หากินกับการล่าสัตว์ในผืนป่าใหญ่หลินจือ และหันมาประกอบอาชีพที่ทำรายได้ประจำ

แม้จะเปลี่ยนวิถีชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เพราะรัฐบาลมีโครงการฝึกฝนอาชีพ ทำให้เขาเปลี่ยนจากการล่าสัตว์มาทำงานด้านการก่อสร้าง รองนายกเทศมนตรีของท้องถิ่นนี้เปิดเผยว่า โครงการโยกย้ายประชาชนจากความยากจน มาพร้อมกับการการฝึกอาชีพใหม่ ซึ่งไม่ใช่การบีบบังคับยัดเยียด แต่อิงกับความต้องการของประชาชนและปัจจุยดั้งเดิมในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มวิถี เช่น กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน

ที่หมู่บ้านซีกาเหมินปาแห่งนี้ ยังมีของขึ้นชื่ออีกอย่างคือ 'หัตถกรรมกระดาษทิเบต' ซึ่งรัฐบาลได้ช่วยจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างอาชีพให้ประชาชน ปรากฏว่ารายได้จากการทำกระดาษโบราณสูงถึงหลักล้านหยวนต่อไป เพราะกระดาษแบบนี้มีคุณค่าและราคาสูง โดยกระดาษความยาว 10 เมตรสามารถทำราคาได้ถึง 2,000 หยวนลยทีเดียว

ปัจจุบันเจ้าบ้านชาวมอนปาผู้นี้ยังทำงานก่อสร้างเป็นหลัก สามารถมีรถส่วนตัว มีเครื่องจักรกลประกอบอาชีพก่อสร้าง สามารถเลี้ยงตัวเขาและภรรยากับลูกสาวและลูกชายได้อย่างไม่ต้องกังวลชีวิตหาเช้ากินค่ำเหมือนแต่ก่อน ด้วยรายได้ปีละ 300,000 - 400,000 หยวน หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท - 1.8 ล้านบาทต่อปี

ชีวิตที่สะดวกสะบายในหมู่บ้านใหม่ทำให้ลูกๆ สามารถเรียนหนังสือได้ และทำให้เขาไม่ต้องกังวลกับการรักษาพยาบาบาลยามเจ็บไข้ได้ป่วย

โดยเฉพาะลูกๆ ของเขาจะมีโอกาสรับการศึกษาระดับสูง เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ออกแบบระบบสวัสดิการสำหรับชนชาติกลุ่มน้อย ซึ่งจะเพิ่มคะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือ 'การสอบเกาเข่า' พิเศษให้กับชนกลุ่มน้อยต่างๆ ยิ่งอัตราส่วนประชากรน้อยเท่าไร ลูกๆ หลานๆ ของชนกลุ่มน้อยนั้นก็จะได้ 'คะแนนช่วย' มากขึ้นเมื่อเทียบกับชนชาติที่มีประชากรมากกว่า ดังนั้น คนกลุ่มน้อยก็จะสามารถเข้าถึงการศึกษาและอนาคตที่ดีได้เท่ากับชนชาติฮั่นอันเป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ

และจากการประเมินของรองนายกเทศมนตรี ผู้คนในเขตชนบทแบบนี้ได้รับอภิสิทธิ์และการอุดหนุนจากรัฐจากการช่วยเหลือมากกว่าผู้คนในเขตเมืองเสียอีก เช่น กรณีของเจ้าบ้านชาวมอนปามีรายได้ 300,000 - 400,000 หยวนต่อปี แต่คนในเขตเมืองมีรายได้เพียง 60,000 หยวนต่อปี หรือ 200,000 บาท

ด้วยความเหลือที่ได้รับแบบนี้ การฝันถึงอนาคตใหม่ๆ จึงเป็นไปได้ ในวันนี้ลูกสาวของเจ้าบ้านชาวมอนปาจึงอยากจะเป็นครูสอนหนังสือเมื่อโตขึ้น ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันที่ยากจะเป็นไปได้หากพ่อของเธอยังคงเป็นนายพรานอยู่ตามป่าเขาของตำบลกานเดน

เหนือสิ่งอื่นใด ในโครงการระดับชาติของรัฐบาลกลางเพื่อยกระดับประชาชนจากความยากจนและสานต่อโดยรัฐบาลท้องถิ่น โครงการนี้กำลังผลิดอกออกผลอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบนชาวบ้านเมดก 40 หลังคาเรือนที่ย้ายมากปักหลักสร้างชีวิตใหม่ ได้เติบโตเป็น 87 ครัวเรือนแล้วในวันนี้จากการเปิดเผยของรองนายกเทศมนตรี มีทั้งชาวมอนปาดั้งเดิม ชาวโลปา และชาวจั้งหรือคนทิเบต

ความหลากหลายทางเชื้อชาติและการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแถบถิ่นนี้ เจ้าบ้านเล่าให้ฟังว่าเวลาพบชาวมอนปาก็จะคุยภาษามอนปา หากพบกับชาวจั้งพวกเขาก็จะสนทนาด้วยภาษาจั้ง แต่หากต้องการสื่อสารกับชนชาติต่างๆ พร้อมๆ กัน ภาษาจีนกลางจะเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร

นี่คือความสวยงามของซีจั้ง ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางเชื้อชาติ ไม่ใช่ว่าชื่อว่า 'ซีจั้ง' แล้วจะมีแต่คนจั้งหรือคนฮั่น ทุกคนล้วนแต่ได้รับโอกาสเท่าๆ กัน ด้วยระบบที่รัฐบาลจีนออกแบบมาเพื่อให้ความหลายกลายเป็นความเท่าเทียม และทำให้ผู้คนในดินแดนที่ห่างไกลดูเหมือนใกล้กัน

ในดินแดน 'ทรานส์หิมาลัย' (Transhimalaya) หลายแห่งนอกซีจั้ง ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดิน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือน แต่แล้วคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นกลับต่ำเตี้ย จมอยู่ในความยากจน และแทบไม่ได้มีส่วนกับการทำอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะ 'นายทุน' ได้ครอบครองสวรรค์ทั้งหมด

วิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอยู่กันยังไงก็ยังนั้น เหมือนกับถูกแช่แข็งให้ดูยากจนและดูดิบเถื่อน โดย 'การอนุรักษ์' เพื่ออำพรางผลประโยชน์ของธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้คนทั่วโลกมาชม 'สวรรค์จอมปลอม'

ชีวิตของคนเหล่านั้นจึงไม่ต่างอะไรจาก 'ทาสติดที่ดิน' ในยุคก่อนที่ซีจั้งจะได้รับลการปลดปล่อย

แต่หลินจือที่งดงามเหมือนแดนสวรรค์ จึงเป็น 'แดนสวรรค์' จริงๆ ไม่ใช่เพราะความสวยงามของภูมิประเทศ ธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรมเท่านั้น แต่เพราะคุณภาพชีวิตของผู้คนที่นี่ได้ถูกยกระดับให้สุขสบายขึ้นอย่างมาก

แม้จะไม่เท่ากับผู้คนในแดนสวรรค์ แต่อย่างน้อยก็เท่าเทียมกับสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรจะได้รับ

บทความและภาพถ่ายโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Better

SVT เปิดตัวตู้เวนดิ้ง “JET PACK” นำร่องวางตู้บริการ Q3/68 นี้ หนุนผลงานเติบโตครึ่งปีหลัง

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ภูมิธรรม" โต้กระแสหวั่นรัฐประหาร ย้ำกองทัพยึดกติกา ไม่เห็นด้วยกับการใช้วิธีนอกระบบ

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

สลด ดช. 11 ปี นึกว่าป่วยไข้หวัดธรรมดา กว่าจะรู้ ไตวาย-ตับล้มเหลว พ่อแม่อย่าชะล่าใจสัญญาณเตือน

Thaiger

จับตา ดาวเคราะห์น้อย 2024 YR4 ชนดวงจันทร์ โปรยฝนอุกกาบาตถล่มโลก

Thaiger

รู้งี้ทำนานแล้ว! หมอชี้ช่อง "หนีเบาหวาน" แค่ดื่มสิ่งนี้ตอน 21.00 น. ก็ลดน้ำตาลในเลือดได้

sanook.com

หัวหน้าหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ยกหูคุยกับผู้อำนวยการซีไอเอ

เดลินิวส์
วิดีโอ

สรุปข่าวต่างประเทศ วันที่ 29 มิ.ย. 2568

THE ROOM 44 CHANNEL

อิสราเอลจ่อถล่มกาซาอีก! แม้ "ทรัมป์" ขอให้จบสงคราม

PPTV HD 36

แฉมุมมืดโรงแรม พนง.เตือนตรงกัน อย่าใช้ "ผ้าขนหนู" ฟังแล้วขนลุก มันถูกใช้เช็ดอะไรมาก่อน!

sanook.com

ดูอะไรกัน? สาวญี่ปุ่นกินโซบะคำโต คลิป 30 วินาที แค่ 4 วัน ยอดวิวพุ่ง 44 ล้าน

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...