มาริษ ยันไทยได้เปรียบเวทีโลก ทำงานแนบแน่นกองทัพ แจงข้อมูลสื่อสาร ต้องแม่นยำ
มาริษ ยันไทยได้เปรียบเวทีโลก ทำงานแนบแน่นกองทัพ แจงข้อมูลสื่อสาร ต้องแม่นยำ
วันที่ 31 กรกฎาคมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เครือมติชนถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะในเวทีระหว่างประเทศ โดยได้พบผู้แทนของยูเอ็น และแสดงจุดยืนในการประณามกัมพูชาตั้งแต่เกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด ทั้ง 2 ครั้ง ตลอดจนได้ชี้แจงถึงการปะทะระหว่างไทยกัมพูชา ว่าทางกัมพูชาเองพุ่งเป้าไปที่โรงพยาบาล และชุมชนพลเรือน ซึ่งนานาชาติก็รับทราบข้อมูลทั้งหมด จึงยืนยันว่าในเวทีโลก เราได้เปรียบกัมพูชาอย่างมาก
นายมาริษ กล่าวว่า การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการเป็นขั้นตอน ตามระเบียบวิธีทางการทูต ไม่ได้ต้องการที่นำเรื่องพวกนี้ออกมาโจมตีกันผ่านสื่อ จึงอาจทำให้สังคมไม่เข้าใจ และมองด้วยความเป็นห่วงว่าล่าช้าไม่ทันกับเหตุการณ์ แต่ทั้งหมดก็ยืนยันได้ว่าดำเนินการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
นายมาริษ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ส.ค. ตามที่ได้กำหนดแล้วว่ากระทรวงการต่างประเทศ จะพาผู้ช่วยทูตทหาร เข้าไปดูพื้นที่ชายแดนหลังหยุดยิง แน่นอนว่าการหาหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่ามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงนั้นอาจทำได้ยาก แต่ก็จะประสานไปทางกองทัพ เพื่อขอให้ช่วยส่งข้อมูล จะได้นำเสนอต่อนานาชาติให้เข้าใจ นอกจากนี้จะได้นำไปดูสภาพความเสียหาย ทั้งที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนของประชาชน ที่อยู่ไกลกว่าชายแดนนับสิบกิโลเมตร จึงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่ากัมพูชามีเป้าหมายอยู่ที่พลเรือนไทย ผู้บริสุทธิ์
รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ส่วนที่มีผู้เป็นห่วงว่าการพาทูตทหารลงพื้นที่ล่าช้ากว่าที่กัมพูชาดำเนินการ ก็เชื่อว่าไม่มีปัญหาใดๆ เพราะข้อเท็จจริงอย่างไรก็เป็นข้อเท็จจริง ส่วนที่พาไปไม่ได้ทันทีนั้น ก็เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคณะเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเราก็ไม่ทราบว่าจะมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อใด รวมทั้งเรื่องของทุ่นระเบิดวางใหม่ ที่ชัดเจนว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง ที่เราจะต้องเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัยที่สุดก่อน
นายมาริษ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเป็นห่วงว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่ไปในทิศทางเดียวกันนั้น ขอยืนยันว่าเราประสานงานกันอย่างใกล้ชิด อย่างเช่นการเจรจาของรัฐบาลที่นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ กับฮุนมาเนต นายกฯกัมพูชา ที่ปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ทุกอย่างที่ทีมเจรจาพูดคุย ระหว่างการเจรจา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมจะทำหน้าที่ประสานข้อมูลกับกองทัพตลอด โดยเฉพาะการทำข้อตกลง อาทิ การหยุดยิงจะเริ่มต้นเมื่อใด ก็ได้ประสานทางกองทัพ พอทางนั้นเห็นพ้อง ก็จึงออกมาเป็นข้อตกลงหยุดยิง ทุกอย่างประสานกันมาตลอดในฐานะทีมไทยแลนด์
นายมาริษ กล่าวว่า ไทยยังยืนยันถึงจุดยืนว่าเรื่องปัญหาระหว่างเรากับกัมพูชา จะต้องเป็นการพูดคุย 2 ฝ่าย แบบทวิภาคี อย่างตอนที่ไปคุยกันที่มาเลเซีย นายอันวาร์อิบราฮิม ก็ได้แสดงตนเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ตนก็ยืนยันว่าเราไม่ต้องการผู้ไกล่เกลี่ย หรือประเทศที่ 3 แต่หากจะเป็นพยานต่อการเจรจาก็ทำได้ จึงเห็นได้ว่าเราไม่ได้เพลี้ยงพล้ำให้มีประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซงแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างยังยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติ
นายมาริษ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของความรวดเร็วของข้อมูล ที่อาจจะไม่ทันใจสังคม หรือประชาชน ก็ต้องชี้แจงว่าในเรื่องของข้อมูล นอกจากความเร็วแล้ว ความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ บางอย่างยังไม่ชัดเจน ยังไม่ยืนยัน ในฐานะรัฐบาล ก็ต้องรอความพร้อม ข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง จะให้เป็นไปตามสื่อออนไลน์ที่ให้ข้อมูลโดยไม่ต้องรับผิดชอบไม่ได้ แต่เราก็พยายามปรับการสื่อสาร แต่ก็ต้องขอยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ถูกต้อง มากกว่าที่จะเร็วแล้วคลาดเคลื่อน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มาริษ ยันไทยได้เปรียบเวทีโลก ทำงานแนบแน่นกองทัพ แจงข้อมูลสื่อสาร ต้องแม่นยำ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th