ขำไม่ออก! ภูมิธรรมโทษกัมพูชาทำแก้ปัญ หายาเสพติดสะดุดไปช่วงหนึ่ง
'ภูมิธรรม' มอบนโยบายเดินหน้าแก้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ย้ำแก้คนเดียวไม่ได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือ แจงปัญหากัมพูชาทำแก้ปัญหาหยุดไปช่วงหนึ่ง ลั่นความรู้สึกของปชช.เป็นคำตอบความสำเร็จ
20 ส.ค.2568 – นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมเดินทางไปมอบนโยบายปฏิบัติการ "No Drugs No Dealers สู่ Zero Drugs Thailand" พร้อมทั้งติดตามการปฏิบัติการและแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติด ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้การต้อนรับ
จากนั้นเวลา 10.10 น. ที่ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 ทาง พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้รายงานสรุปผลการดำเนินงานปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ในปีงบประมาณพ.ศ.2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67-18 ส.ค.68 โดยสามารถจับกุมยาบ้าได้ 222,091,726 เม็ด ไอซ์ 11,462.83 กิโลกรัม เคตามีน 1,842.92 กิโลกรัม เฮโรอีน 197.92 กิโลกรัม และฝิ่น 155.88 กิโลกรัม สามารถจับกุมคดียาเสพติดทุกข้อหา จำนวน 22,467 ข้อหา ผู้ต้องหา 20,265 คน จับกุมตามหมายจับ 984 หมาย ผลการดำเนินคดีข้อหาสมคบ/สนับสนุน 376 คดี ผลการดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน 16 คดี
พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ยังระบุถึงปัญหาอุปสรรคว่า ปีนี้จับกุมยาบ้าได้เป็นจำนวนมาก คดีไหนที่จับกุมได้เกิน 1 ล้านเม็ดจะต้องส่งไปที่สำนักงานป.ป.ส.ที่ทุ่งสองห้อง แต่คิวการตรวจใช้เวลานานมาก บางคดีเกินเวลาที่ต้องไปฝากขัง ทำให้มีผลเสียต่อรูปคดี
นายภูมิธรรม กล่าวมอบนโยบายว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่มีการจัดการตามนโยบายยาเสพติด สำหรับปัญหายาเสพติด สังคมไทยรับรู้ได้ว่ายาเสพติดเป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและประเทศชาติของเราโดยเฉพาะพี่น้องประชาชน จนถึงปัจจุบันประชาชนรู้สึกว่าปัญหาเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม พ่อแม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ ทำให้เกิดปัญหาที่พัวพันในสังคมหลายส่วน ครอบครัวแตกแยก เราไม่เกิดสภาพแบบนี้ ดังนั้นที่เรากำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยกระทรวงกลาโหม ซึ่งพร้อมที่จะบูรณาการทุกภาคส่วนมาช่วยกันแก้ไขปัญหา เพราะเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องที่ทำคนเดียวไม่ได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน ขณะนี้แนวโน้มกำลังดีขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือขณะนี้เราเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย เป็นนโยบายของรัฐบาล เราจะจับกุมได้มากขึ้นเพราะเรามีเครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้น สมัยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ท่านได้อนุมัติรถเอกซเรย์ยาเสพติดเคลื่อนที่ ได้มาแล้ว 5 คัน คาดว่าอีกสองเดือนได้ของ ก็คงจะช่วยทำให้การจัดการสกัดกั้นทำได้ดีขึ้น เข้าใจว่าอยู่ที่ภาคเหนือและภาคใต้ ยังขาดที่ภาคอีสาน ทราบมาว่าขณะนี้ได้ทำเรื่องขอไปอีกสี่คัน ก็ไม่มีปัญหา จะอนุมัติให้เพื่อให้มีเครื่องมือ เพราะยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่ง
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายและมาตรการที่เข้มข้นครอบคลุมทุกมิติตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ เรามีมาตรการป้องกัน ป้องปราม ปราบปราม เราจะทำควบคู่กับการตรวจสอบสถานบันเทิงสถานมั่วสุมต่างๆ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพลด้วย ในส่วนของการป้องกันเราเน้นสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนและประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนและสถานศึกษา ซึ่งฝ่ายปกครองรับนโยบายเพราะกระทรวงมหาดไทย เรามีกลไกตั้งแต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนันไปจนถึงผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งชรบ.7 แสนกว่าคนเข้าเอกซเรย์ถึงชุมชน เชื่อว่าสถานการณ์จะเบาบางลง
“ยาเสพติดเป็นปัญหาบั่นทอนทรัพยากรของประเทศ ขอฝากเรื่องนี้ให้ทุกคนช่วยกันดู กระทรวงมหาดไทยก็ต้องเข้มแข็งเพื่อประสานงานกับหน่วยงานอื่น สิ่งที่สำคัญคือนโยบายของรัฐบาลเน้นการจัดการขั้นเด็ดขาด เป็นเรื่องที่เราจะไม่ปล่อยปละละเลย เราจัดการผู้ค้ารายใหญ่ ยาเสพติดข้ามชาติ ถือเป็นเรื่องที่ต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพราะยาเสพติดส่วนใหญ่มาจากแหล่งภายนอก พัฒนาโดยรวมกลุ่มชาวบ้านชายแดน 7-8 คน ผลิตวันหนึ่งได้เป็น 1,000,000 เม็ดก็ทำได้ หากไม่จัดการปัญหาจะบานปลายไปเรื่อยๆ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ต้องกำจัดยาเสพติดให้สิ้นซากไปจากสังคมไทย“ นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนการบำบัดรักษาฟื้นฟูต้องร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ฝากทางผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันทำตรงนี้ จะทำเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ไม่ได้ ถ้าทำตรงนี้ได้จะสามารถคืนทรัพยากรบุคคลให้ประเทศชาติได้อีกมาก ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องกัมพูชา การแก้ปัญหาเลยหยุดไปช่วงหนึ่ง ต่อไปก็ต้องเดินหน้าตรวจสอบสารบันเทิงผิดกฎหมาย หากใครทำได้ดีควรจะมีรางวัลให้ โดยให้ ป.ป.ส.ไปดู ทำดีเราก็สนับสนุนส่งเสริม ถ้าทำบกพร่องก็มีปัญหา
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดตามบัญชีรายชื่อที่สำรวจทั่วประเทศ จับกุมแล้ว 16,800 คน ยังเหลืออีกประมาณ 4,000 คน ในด้านการบำบัดรักษาก็นำเข้าสู่การบำบัดรักษาแล้ว 140,000 คน ยังอยู่ระหว่างการรอบำบัดประมาณ 68,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ก็ถือเป็นยอดที่มีการพัฒนาขึ้น
"เหนือสิ่งอื่นใดความรู้สึกของประชาชนเป็นคำตอบของความสำเร็จ ตัวเลขไม่ใช้คำตอบสูงสุดแต่ถ้าประชาชนบอกว่า ดีมาก ยาเสพติดหมดไป มีความสุข นั่นคือผลสำเร็จของการทำงาน" นายภูมิธรรม กล่าว