จดหมายเปิดผนึกฉบับสุดท้ายถึงคุณแพทองธาร | วิทยา ด่านธำรงกูล
ถึงคุณแพทองธาร
จดหมายนี้เขียนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ไม่ว่าคุณจะได้ไปต่อหรือไม่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยหลังคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 29 สิงหาคม 2568
จดหมายเปิดผนึกนี้จะเป็นฉบับสุดท้ายที่จะเขียนถึงคุณ เพื่อให้คุณระลึกว่าตลอด 1 ปีที่อยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 นั้น ประชาชนคาดหวังอะไรและคุณได้ตอบสนองความคาดหวังเหล่านั้นหรือไม่ จากเวลาและโอกาสที่ประชาชนคนไทยได้หยิบยื่นให้คุณมา 1 ปี
ประชาชนคาดหวังว่านายกฯ ของเขาควรจะมีความรอบรู้และรอบด้าน มองเห็นภาพรวมของประเทศ มองเห็นปัญหาใหญ่ที่ประเทศกำลังเผชิญในท่ามกลางการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน
นายกฯ ควรจะมีวิสัยทัศน์ที่มองเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองเราในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะต้องตระหนักถึงสัญญาณเร่งด่วนที่เราเป็นประเทศเติบโตล้าหลังกว่าเพื่อนบ้าน จึงต้องพยายามพลิกโครงสร้างในหลายเรื่อง จะพึ่งพิงอุตสาหกรรมที่ตกยุคต่อไปไม่ได้ จะพึ่งพาแต่การท่องเที่ยวก็เสี่ยงเกินไป
จะสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นอนาคตอย่างไรด้วยมาตรการขนาดไหน ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมที่ยังพอมีโอกาสจะสร้างแรงจูงใจอะไรเพื่อให้เกิดการปรับตัวให้ทันสมัย ให้ต้นทุนต่ำ ให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้
เหล่านี้คือวาระแห่งชาติที่ประชาชนคอยเงี่ยหูฟัง เขาอยากให้นายกฯ รู้จักมองไกลสร้างอนาคตให้ประเทศ รู้จักพลิกบ้านเมือง สร้างความหวังใหม่ คุณแพทองธารคงตอบตัวเองว่าได้ทำสิ่งเหล่านี้หรือไม่
ประชาชนคาดหวังว่านายกฯ จะแสดงออกซึ่งเจตจำนงที่จะแก้ไขเรื่องสำคัญๆ ที่เป็นความคับข้องของประชาชน ณ วันนี้ รู้จักวางลำดับก่อนหลังของปัญหา
ประชาชนหวังว่านายกฯ จะมีเจตจำนงกับการปราบทุจริตคอร์รัปชันที่ระบาดไปทุกวงการทุกระดับ แก้ปัญหาวิกฤตจากภัยธรรมชาติที่เกิดซ้ำซาก ปัญหาฝุ่นควันพิษ ปัญหาราคาพืชผลราคาตกต่ำ ปัญหายาเสพติด เหล่านี้คุณได้จริงจังขนาดไหนใน 1 ปีที่ผ่านมา
ประชาชนคาดหวังว่านายกฯ จะมีความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องใหญ่ของทุกคนและทุกประเทศทั่วโลก แม้นายกฯ อาจจะไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ หรือไม่ได้อ่านหนังสือมากนัก
แต่นายกฯ ต้องมีทีมที่ปรึกษาและมือดีทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และพร้อมจะได้รับการติวเข้มในเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง เพื่อให้มั่นใจทุกครั้งที่สื่อสารกับประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจ สามารถจะไล่เลียงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจบังเกิดผล ไม่ว่าเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ การส่งออก ดอกเบี้ย เอสเอ็มอี หรือเรื่องภาษีทรัมป์
ประชาชนคาดหวังว่านายกฯ จะต้องแสดงออกซึ่งการกำกับดูแลบังคับบัญชางานสำคัญอันเป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาอย่างใกล้ชิด ติดตามประเมินผลแบบเกาะติด เพื่อให้การทำงานของแต่ละรัฐมนตรีมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้ทำงานกันแบบเฉื่อยชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวและนายกฯ เองไม่กระตือรือร้นที่จะจัดการแก้ไขแม้จะเห็นความล้มเหลวชัดเจน
อย่างเช่น ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ดิจิทัลวอลเล็ต แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
เหล่านี้นายกฯ ต้องกล้าหาญพอที่จะหาคนรับผิดชอบและสับเปลี่ยนโยกย้ายหากรัฐมนตรีคนใดไร้ประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ใช่ทำตัวหงอกับบรรดารัฐมนตรีที่อาวุโสกว่าหรือที่พ่อเลือกมา
ประชาชนคาดหวังว่านายกฯ จะแสดงความสามารถในการสื่อสารกับประชาชนที่หนักแน่นให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม เขาไม่อยากได้นายกฯ ที่พูดอะไรกว้างๆ เลื่อนลอยไม่อาจจับต้องได้
ประเภท“กำลังทำเต็มที่” “ดูแลประชาชนทุกกลุ่มแน่นอน” “อะไรทำได้ก็จะรีบทำ” ฯลฯ ทุกครั้งที่สื่อสารจึงเป็นความผสมปนเประหว่างความไม่รู้ลึกรู้จริงและความไม่มั่นใจในสิ่งที่พูด ประชาชนอยากจะเห็นนายกฯ ที่จริงจัง ขยันและทำงานหนักมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ทำตัวสบายๆ อย่างคุณหนูคนเล็ก
ประชาชนหวังว่านายกฯ ของเขาควรจะยืนได้บนขาของตัวเองโดยปราศจากการชี้นำของพ่อ แต่ที่ผ่านมานายกฯ ปล่อยให้พ่อของตัวเองเข้ามากำกับเกือบทุกเรื่อง
ตั้งแต่การลงไปช่วยลูกพรรคของนายกฯ หาเสียงเลือกตั้ง การโยกย้ายรัฐมนตรีและข้าราชการ และการชี้นำข้ามหัวรัฐมนตรีในหลายๆ เรื่อง ทำให้เกิดความสับสนว่าใครเป็นผู้นำตัวจริง จึงบั่นทอนภาวะผู้นำของนายกฯ ที่มีน้อยอยู่แล้วให้ต่ำลงอีกทั้งในสายตาประชาชนและต่างประเทศ
การมีบริวารสูงอายุคอยเดินตาม คอยเป็นฉากหลัง คอยลุ้นในการตอบคำถามทุกครั้ง ยิ่งทำให้ประชาชนขาดความมั่นใจขาดศรัทธาในตัวนายกฯ เป็นอย่างยิ่ง
สุดท้าย ประชาชนหวังว่านายกฯ จะตระหนักว่าบุคลิกภาพเป็นส่วนสำคัญที่จะหนุนส่งความเชื่อมั่นและศรัทธาในความเป็นผู้นำ แต่ที่ผ่านมาการทำตัวเป็นคุณหนูแบรนด์เนมตลอดเวลาได้กลายเป็นความขบขัน ทั้งๆ ที่นายกฯ พยายามรณรงค์เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของไทย แต่นายกฯ กลับไม่ชูธงนำ
เนื้อตัวเต็มไปด้วยเสื้อผ้าข้าวของแบรนด์หรู ผู้นำต่างประเทศไม่ได้ปลื้มเรื่องเหล่านี้เท่ากับสิ่งที่มีในสมอง เกียรติยศของประเทศในสายตาของเขาจะเหลืออยู่สักแค่ไหน คุณควรตรองดู
ไม่ว่าหลังวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ผลจะออกมาอย่างไร จดหมายฉบับนี้น่าจะทำให้คุณรู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรหากคุณยังอยู่ในตำแหน่ง หรือหากผลออกมาตรงข้ามก็คงเตือนใจให้คุณได้พัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น
ขอให้คุณหมั่นหยิบยื่น “พัฒนาการ” ให้กับตัวเองให้มาก ในขณะที่คนแวดล้อมแม้แต่พ่อและบริวารของคุณเขาไม่ได้ให้สิ่งนั้นกับคุณเลย
ด้วยความปรารถนาดี
วิทยา ด่านธำรงกูล